7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ


เคยไหมที่รู้สึกว่าชีวิตเหมือนเกมที่เราต้องเจอภารกิจใหม่ๆ ตลอดเวลา? บางทีก็ง่าย บางทีก็ยากจนท้อใจ… แต่จะดีแค่ไหนถ้าเรามี “สูตรโกงชีวิต” ที่จะช่วยให้เราเล่นเกมนี้ได้สนุกขึ้นและผ่านด่านได้ง่ายขึ้น?

ในบทความนี้ ผมจะพาไปรู้จักกับ “7 กฎทอง” ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเคล็ดลับที่ใช้งานได้จริงในทุกวัน ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างเข้าใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น! มาดูกันว่าทั้ง 7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ เหล่านี้ เชื่อมโยงกับทักษะการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมอย่างไร (Social and Emotional Learning หรือ SEL) อย่างไรบ้าง!?


7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ

“อะไรที่มีแนวโน้มว่าจะผิดพลาด มันก็จะผิดพลาดได้เสมอ”

กฎนี้ดูเหมือนจะกวนๆ นะครับ แต่ลองคิดดูดีๆ ผมว่ามันก็จริงเลย! สมมติว่าเรากลัวการพรีเซนต์งานหน้าห้อง และกังวลว่าจะลืมสคริปต์ พอคิดวนไปวนมาก็ยิ่งประหม่า สุดท้ายก็อาจจะพลาดจริงๆ! 1

✦ มองในมุมของ SEL (Social and Emotional Learning):

กฎของเมอร์ฟีสอนให้เรา:

  1. สังเกตความกลัว (Self-Awareness): ตระหนักรู้ว่าเรากำลังกลัวอะไรอยู่ เช่น ความกังวลว่าจะลืมสคริปต์ตอนพรีเซนต์งาน การมองเห็นความกลัวอย่างเป็นระบบช่วยให้เราตั้งสติได้เร็วขึ้น
  2. ควบคุมความกังวล (Self-Management): เมื่อเรารับรู้ถึงความกลัวแล้ว เราจะสามารถจัดการกับความกังวลนั้นได้ดีขึ้น ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำของเรา

การทำความเข้าใจและนำกฎของเมอร์ฟีมาปรับใช้ในมุมมองของ SEL ช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมีสติและจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“ถ้าคุณเขียนปัญหาออกมาได้ชัดเจน = แก้มันได้ครึ่งหนึ่ง”

กฎของคิดลินเน้นย้ำถึงพลังของการเขียนและการทำความเข้าใจปัญหาให้ชัดเจน การที่คุณรู้สึกว่าปัญหาบางอย่างยุ่งเหยิงจนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กฎนี้คือทางออกสำคัญ! 2

✦ มุมมอง SEL: การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible Decision-Making)

เมื่อสมองของคุณคิดวนเวียนอยู่กับปัญหาต่าง ๆ มันคล้ายกับการมีเส้นด้ายที่พันกันเป็นปมยุ่งเหยิง การ “ลิสต์ปัญหาออกมา” ก็เหมือนกับการค่อย ๆ คลี่ปมเหล่านั้นให้คลายออกทีละเปลาะ ดังนั้น เมื่อคุณได้เขียนปัญหาออกมา คุณจะ:

  1. เห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น: แยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง และอะไรคือสิ่งที่คุณเพียงแค่รู้สึกไปเอง
  2. เริ่มมองเห็นทางออกได้ง่ายขึ้น: การจัดระเบียบความคิดเช่นนี้ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรับผิดชอบ (Responsible Decision‑Making) โดยเลือกทางออกที่จะส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น

“เมื่อยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจ ก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เพราะบางเรื่องดีขึ้นเมื่อเราให้เวลา”

ผมว่ากฎนี้เตือนสติเราได้ดีเลยนะครับ กฎนี้สนับสนุนให้เราใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ แทนที่จะรีบตัดสินใจโดยไม่จำเป็น 3   เพราะทุกครั้งที่เราตัดสินใจ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็ล้วนใช้พลังงานสมองไปมาก — การประหยัดพลังงานนี้ไว้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ จะช่วยให้เรามีสติและสามารถตัดสินใจเรื่องสำคัญได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

✦ มุมมอง SEL: Self-Management (การจัดการตนเอง)

  1. การรู้จักผ่อนปรนและไม่เร่งรัดการตัดสินใจที่ไม่จำเป็นจึงเป็นทักษะการจัดการตนเองที่ช่วยรักษาสมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
  2. การเรียนรู้ที่จะละเว้นการตัดสินใจที่ไม่จำเป็น ช่วยให้สมองไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

“ฟังไม่ใช่เพื่อจะตอบ… แต่เพื่อจะเข้าใจ”

กฎนี้เน้นย้ำความสำคัญของการฟังอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก

✦ มองในมุม SEL: ทักษะความสัมพันธ์ (Relationship Skills)

บ่อยครั้งที่เรามักจะรีบให้คำแนะนำหรือตอบโต้ทันทีเมื่อเพื่อนหรือคนใกล้ชิดมาปรึกษา กฎของการฟังชวนให้เรา หยุดสักนิด แล้ว “ฟังอย่างตั้งใจ” เพื่อทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ พวกเขาแค่ต้องการระบาย หรือต้องการความคิดเห็นของเรา?

การ “ฟังแบบใส่ใจ (active listening)” คือการที่เราตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดโดยไม่ขัดจังหวะ ไม่รีบตัดสิน และพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของคนตรงหน้า การทำเช่นนี้ช่วยให้เรา:

  • ฝึกเห็นใจผู้อื่น (empathy) ได้มากขึ้น: เมื่อเราพยายามเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของผู้อื่น เราจะสามารถเชื่อมโยงกับพวกเขาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงขึ้น: การเข้าใจความรู้สึกของกันและกันจะช่วยลดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นและเสริมสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทักษะทั้งสองนี้เป็นกุญแจสำคัญของความสามารถด้าน Relationship Skills (ทักษะความสัมพันธ์) ตามกรอบการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ของ CASEL (Collaborative for Academic, Social, and Emotional Learning)4

“อย่าตัดสินใจขณะโกรธ หรือให้สัญญาเมื่อมีความสุข (เกินไป)”

ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานหรือการอ้างอิงที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่า “กฎของอารมณ์ชั่ววูบ” เป็น “กฎ” ที่ถูกตั้งขึ้นจากแหล่งที่มาที่เฉพาะเจาะจง — แต่การหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่สำคัญเมื่ออยู่ภายใต้อารมณ์ที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรือความสุขสุดโต่ง ก็ได้รับการยอมรับและสอนกันมาอย่างยาวนานในหลากหลายบริบท ทั้งในด้านจิตวิทยา การจัดการอารมณ์ ปรัชญา และแม้แต่ในคำสอนทางศาสนาหลายแขนง

✦ มองในมุม SEL: การจัดการตนเอง (Self-Management)

  1. รู้เท่าทันอารมณ์: เมื่อเราโกรธจัดหรือดีใจสุดขีด อารมณ์ที่รุนแรงสามารถบดบังการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลได้ กฎนี้สอนให้เรา “รู้เท่าทันอารมณ์” ของตัวเอง คือการตระหนักรู้ว่าเรากำลังอยู่ในอารมณ์ที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจ
  2. ลดแรงกระแทก: การใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การหายใจเข้าลึก ๆ ให้ใจเย็นลง หรือให้เวลาตัวเองสงบลงก่อนที่จะตัดสินใจหรือให้คำมั่นสัญญา จะช่วย “ลดแรงกระแทกของสถานการณ์อารมณ์ที่รุนแรง” ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและสมดุลมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง (Self-management)5

“ความสัมพันธ์ที่ดี วัดกันที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด”

แม้จะไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชี้ว่าข้อนี้เป็น “กฎ” ที่ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หลักการที่กล่าวถึงในกฎนี้เป็นความจริงพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี5

✦ มองในมุม SEL: ทักษะความสัมพันธ์ (Relationship Skills)

  1. กฎนี้เน้นย้ำว่าการสนับสนุน การอยู่เคียงข้าง และการให้กำลังใจในยามอ่อนแอ มีคุณค่ามากกว่าคำพูดสวยหรูแต่ไร้การกระทำ
  2. บางครั้งแค่การอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่จับมือเบาๆ หรือกอดให้กำลังใจ มันก็มีค่ามากกว่าคำพูดเป็นร้อยเป็นพันคำเลยครับ! เหมือนเวลาที่เราล้ม เพื่อนที่ดีจะไม่ถามเยอะ แต่จะยื่นมือมาช่วยพยุงเราขึ้นมา!

“คุณเลือกได้เสมอ.. ว่าจะตอบสนองอย่างไร”

หลักการที่ว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แต่เราสามารถควบคุมการตอบสนองของเราต่อสถานการณ์เหล่านั้นได้ — เป็นแนวคิดพื้นฐานและเป็นสากลที่สำคัญอย่างยิ่งในด้านจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology)6

แนวคิดนี้เน้นย้ำถึง “พลังแห่งการเลือก” และการรับผิดชอบต่อทัศนคติและอารมณ์ของเราเอง แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้

✦ มองในมุม SEL: การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible Decision-Making)

  1. กฎนี้เตือนให้เราโฟกัสไปที่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ นั่นคือ “การตอบสนองของเรา” ต่อสถานการณ์ ไม่ใช่สถานการณ์นั้นเอง
  2. แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป กฎนี้สอนให้เรา “รู้จักพิจารณาทางเลือก” ในการตอบสนอง และ “ควบคุมวิธีตอบสนองอารมณ์” ของตัวเองอย่างมีสติ
  3. การถามตัวเองว่า “ฉันจะตอบสนองต่อเรื่องนี้ยังไงให้ดีที่สุด?” หรือ “ฉันจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้นี้ให้กลายเป็นโอกาสได้อย่างไร?” เป็นการฝึกฝนความคิดเชิงบวกและสร้างสรรค์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่มีเหตุผลและสมดุลมากขึ้น

บทสรุป: 7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ เหล่านี้ นอกจากช่วยให้คุณแกร่งทางใจแล้ว ยังเสริมกระบวนการคิดทางสมองด้วย เหมือนเรามีสูตรโกงเกมส่วนตัวที่ช่วยให้เล่มเกมนี้ได้ง่ายขึ้นครับ


References:

  1. Murphy’s laws – CMU School of Computer Science. Retrieved from: https://www.cs.cmu.edu/~fgandon/miscellaneous/murphy/
  2. Social Work Skills. (2023). The magic of Kidlin’s Law and how it can make your problems disappear (by half). Retrieved from https://www.mysocialworknews.com/article/the-magic-of-kidlin-s-law-and-how-it-can-make-your-problems-disappear-by-half
  3. Mentalzon. (2024). Falkland’s Law: When Should You Avoid Making a Decision? Retrieved from https://mentalzon.com/en/post/1901/falkland%E2%80%99s-law-when-should-you-avoid-making-a-decision
  4. Forbes Councils Member. (2023). Active Listening and Empathy for Better Working Relationships. Retrieved from: https://www.forbes.com/councils/forbesbusinesscouncil/2023/07/28/active-listening-and-empathy-for-better-working-relationships/
  5. DESSA Team. (2023). What Are The Five Competencies of Social Emotional Learning. Retrieved from: https://apertureed.com/research/what-are-the-five-competencies-of-social-emotional-learning
  6. Courtney E. Ackerman, MA. (2018). What Is Positive Psychology & Why Is It Important? Retrieved From https://positivepsychology.com/what-is-positive-psychology-definition/

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต?

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า “ห้ามคิดถึงอดีตหรืออนาคต” แต่หมายถึงการแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างด้านจิตใจ กับด้านปัญญา

7 โซน Body Scan

ถ้าเราสามารถรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และความคิดของเราได้ทันท่วงที

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “วิธีการ” ที่ใช้กับคนอื่น แต่เป็น “การฝึกฝน” ที่เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน