
“Dead Inside” ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกเศร้า หากแต่เป็นภาวะที่ใจเราเหมือนถูกตัดขาดจากความรู้สึกทั้งหมด ทั้งความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น หรือแม้แต่ความโกรธ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือ ความว่างเปล่า เหมือนใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่มีเป้าหมายหรือแรงขับเคลื่อน
หลายคนอาจมองว่าความรู้สึกนี้เป็นแค่ “ขี้เกียจ” หรือ “เฉยชา” แต่จริงๆ แล้วมันคือ “สัญญาณของจิตใจที่อ่อนล้า” จากความเครียดสะสม ความสูญเสีย หรือประสบการณ์ที่เจ็บปวด เมื่อความรู้สึกถูกกดทับนานพอ เราก็เริ่ม “ไม่รู้สึกอะไร” เป็นการป้องกันตัวเองแบบหนึ่ง
ในฐานะที่เพจเราโฟกัส Social and Emotional Learning —สมรรถนะทั้ง 5 ตัวของ SEL สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการทำความเข้าใจตนเองใหม่ ดูแลใจตัวเองอย่างตั้งใจ และสร้างการเชื่อมโยงกับโลกและผู้คนรอบข้างได้
สำรวจใจ: “คุณกำลังรู้สึก Dead Inside หรือเปล่า?”
ลองใช้คำถาม 4 มิติเหล่านี้ สำรวจตัวเองในรอบ 2-4 สัปดาห์ที่ผ่านมาดูนะครับ หากเราตอบ “ใช่” หรือ “รู้สึกบ่อยครั้ง” กับหลายข้อ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนให้เรากลับมาสนใจกับสุขภาพใจของตัวเองมากขึ้นแล้วครับ!!
มิติความรู้สึกและอารมณ์:
- รู้สึกเฉยชา ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งต่างๆ รอบตัวหรือไม่? เช่น สิ่งที่เคยทำให้คุณมีความสุขกลับไม่รู้สึกอะไรเลย หรือข่าวร้ายก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเศร้าเป็นพิเศษ¹⁻³
 - รู้สึกว่างเปล่าจากข้างใน หรือเหมือนไม่ได้เป็นตัวของตัวเองหรือไม่? ²˒³
 - รู้สึกว่าอารมณ์ “แบนราบ” หรือ “ไม่มีชีวิตชีวา” ยากที่จะรู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ เช่น ความสุข ความเศร้า ความโกรธ หรือความตื่นเต้นหรือไม่?⁴
 
มิติความคิดและการรับรู้:
- ตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายหรือจุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่บ่อยขึ้นหรือไม่?¹
 - รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า หรือล้มเหลวหรือไม่?⁹
 - มีความคิดเชิงลบกับตัวเองมากขึ้น (กว่าปกติ)?⁹
 
มิติความสนใจและแรงจูงใจ:
- กิจกรรมที่คุณชอบหรืองานอดิเรกที่ทำอยู่เป็นประจำ ตอนนี้ไม่รู้สึกสนุกหรือน่าสนใจอีกต่อไปหรือไม่? เช่น การดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นกีฬา¹˒⁶
 - รู้สึกขาดแรงบันดาลใจ หรือไม่มีเป้าหมายในชีวิตหรือไม่? คุณอาจรู้สึกว่าไม่รู้จะทำสิ่งต่างๆ ไปเพื่ออะไร⁷
 - รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วหรือไม่?⁸
 - มีความกระตือรือร้นในการทำงานหรือการใช้ชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่?¹˒⁷
 
มิติความสัมพันธ์ทางสังคม:
- รู้สึกตัดขาดจากผู้คนรอบข้าง แม้กระทั่งคนใกล้ชิด (ครอบครัว, เพื่อน) หรือไม่? คุณอาจรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อมโยงทางอารมณ์กับพวกเขา⁷˒⁸
 - อยากปลีกตัวอยู่คนเดียว หรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมบ่อยขึ้นหรือไม่?¹˒⁷
 - รู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจหรือเห็นอกเห็นใจความรู้สึกของผู้อื่นหรือไม่?⁸
 
หากคำถามเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกว่า “ใช่เลย นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่” ไม่ต้องกังวลไปนะครับ (ผมเชื่อว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวอย่างแน่นอน!) เพราะภาวะ “Dead Inside” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียดเรื้อรัง, การเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจ, ภาวะซึมเศร้า หรือความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน
ทำไม “Dead Inside” ส่งผลทางลบต่อ SEL
ภาวะ “Dead Inside” หรือความรู้สึกชาทางอารมณ์นั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อ 2 สมรรถนะหลักของ SEL ได้แก่
1. การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) – เชื่อมโยงมากที่สุด
เมื่อเรารู้สึก “Dead Inside” นั่นหมายความว่า ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ตนเองของเราได้ถูกปิดกั้นหรือลดทอนลงอย่างมาก
- ไม่สามารถระบุหรือรับรู้อารมณ์: ผู้ที่รู้สึกชาทางอารมณ์จะไม่สามารถเชื่อมโยงกับความรู้สึกภายในได้ ไม่ว่าจะสุข เศร้า โกรธ หรือตื่นเต้น ทำให้ไม่สามารถ “ตั้งชื่อ” หรือ “ทำความเข้าใจ” ว่าตอนนี้ตนเองกำลังรู้สึกอะไร? ซึ่งตัวนี้คือองค์ประกอบพื้นฐานของการตระหนักรู้ในตนเอง ¹,⁴
 - รู้สึกตัดขาดจากตนเอง: ภาวะนี้มักมาพร้อมกับการรู้สึกตัดขาดจากตัวตนที่แท้จริง (disconnected from your true self) หรือรู้สึกเหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์ชีวิตของตนเอง ²˒³
 - ขาดความเข้าใจผลกระทบ: เมื่อไม่รับรู้อารมณ์ของตนเอง ก็จะขาดความเข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้ส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมอย่างไร ทำให้การประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน หรือคุณค่าส่วนบุคคลเป็นไปได้ยาก
 
งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การตระหนักรู้ (Acknowledge Your Experience) ว่ากำลังประสบภาวะชาด้านอารมณ์เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเยียวยา ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Self-Awareness ในการจัดการกับภาวะนี้
2. การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Skills)
เมื่อเรารู้สึก “Dead Inside” ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
- ปัญหาในการเชื่อมโยงทางอารมณ์: เมื่อขาดความรู้สึกก็ทำให้ยากต่อการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้อื่น ทำให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหิน ไร้ชีวิตชีวา หรือไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ได้ ⁷˒⁸
 - ปัญหาในการสื่อสาร: ผู้ที่รู้สึกชาทางอารมณ์มักพบปัญหาในการสื่อสารความรู้สึก ความคิด และความต้องการของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในความสัมพันธ์ ⁷
 - การแยกตัวออกจากสังคม: ภาวะนี้มักนำไปสู่การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม หรือการแยกตัวจากเพื่อนและครอบครัว ซึ่งจะเพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดายเข้าไปอีก ¹,⁷
 - ความไม่สามารถรับรู้และตอบสนองอารมณ์ผู้อื่น: แม้ว่า Social Awareness จะเป็นเรื่องของการเข้าใจผู้อื่น แต่ Relationship Skills คือการนำความเข้าใจนั้นมาใช้ในการปฏิสัมพันธ์ เมื่ออารมณ์ภายในตนเองถูกปิดกั้น การรับรู้และตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้อื่นจึงทำได้ยากขึ้น
 
ดังนั้น คำว่า “Dead Inside” ส่งผลกระทบทางลบต่อ SEL โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) เมื่อความสามารถนี้ถูกบั่นทอนลง ย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังสมรรถนะอื่นๆ โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Skills) เนื่องจากเป็นไปได้ยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายหากไม่สามารถเชื่อมโยงกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้
5 วิธีฟื้นคืนพลังชีวิตด้วย SEL
ก้าวแรก – Self-Awareness
- จดบันทึกอารมณ์รายวัน (Emotion Journal)
 - สังเกตสัญญาณทางร่างกาย เช่น หัวใจเต้นแรง ตัวร้อน หรือท้องผูก
 
ก้าวสอง – Self-Management
- เรียนรู้เทคนิคการหายใจ Mindfulness หรือ Loving‑kindness (เช่น ฝึก Metta) 10,11
 - ฝึก Self‑Compassion ตามวิธีของ Kristen Neff
 
ก้าวสาม – Social Connection
- พูดคุยกับใครสักคนที่เข้าใจ
 - เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือคอมมูนิตี้ที่แชร์ประสบการณ์เดียวกัน
 - ปลูกฝัง Empathy และ Compassion ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าช่วยลดภาวะ burnout ได้โดยตรง 12
 
ก้าวสี่ – การตั้งเป้าหมายและวางแผน
- ระบุเป้าหมายเล็กๆ เช่น “วันนี้จะเดิน 15 นาที” หรือ “จะพักสายตาทุก 60 นาที”
 - ตรวจสอบความก้าวหน้าและปรับตัวเมื่อจำเป็น
 
ก้าวห้า – การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ
- พิจารณาข้อมูลจากภายในและภายนอกก่อนตัดสินใจ
 - กำหนด boundary ชัดเจน เช่น การไม่ตอบอีเมลช่วงพักผ่อนหรือหยุดงานเมื่อรู้ว่าเริ่มเหนื่อยเกินไป
 
บทสรุปส่งท้าย —การตระหนักรู้ว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับสมรรถนะ การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) ของ SEL ที่เน้นการเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง⁴
- อย่าเก็บไว้คนเดียว: ลองพูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปัน ¹,⁴
 - ให้เวลาตัวเอง: บางครั้งเราอาจต้องพักผ่อนและทำสิ่งที่เราชอบ (แม้จะยังไม่รู้สึกสนุกนัก) เพื่อฟื้นฟูพลังใจ
 - ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากความรู้สึกเหล่านี้ดำเนินไปนานกว่า 2-4 สัปดาห์ และเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยและการช่วยเหลือที่ถูกต้องเหมาะสม
 
การกลับมาสัมผัสความรู้สึกอีกครั้งอาจใช้เวลาและกระบวนการ แต่การเริ่มต้นจากการสำรวจและทำความเข้าใจตัวเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทางกลับไปสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้งครับ
เชิงอรรถ/แหล่งอ้างอิง:
¹ Modern Recovery. (n.d.). Feeling Dead Inside: Symptoms, Causes, and Treatment? Retrieved from https://modernrecoveryservices.com/conditions/feeling-dead-inside/
² mentalzon.com. (n.d.). What Does It Mean to Be “Dead Inside”? Understanding Apathy and Emotional Exhaustion. Retrieved from https://mentalzon.com/en/post/3353/what-does-it-mean-to-be-%22dead-inside%22-understanding-apathy-and-emotional-exhaustion
³ Verywell Mind. (2022, November 9). What Is Emotional Numbness? Retrieved from https://www.verywellmind.com/emotional-numbing-symptoms-2797372
⁴ Perfect Balance Psychiatric Services (n.d.). Do I Feel Dead Inside? Retrieved from https://pbpsychiatricservices.com/i-feel-dead-inside/#:~:text=Is%20it%20Normal%20to%20Feel,something%20needs%20attention%20and%20care.
⁵ CASEL. (n.d.). What is SEL? Retrieved from https://casel.org/what-is-sel/
⁶ Chula. (n.d.). คุณรู้สึก “สุข” ครั้งล่าสุดเมื่อไร.Retrieved from https://www.chula.ac.th/highlight/131904/
⁷ Alis Behavioral Health. (2023, July 28). What Does It Mean To Feel Dead Inside? Retrieved from https://alisbehavioralhealth.com/what-does-it-mean-to-feel-dead-inside/
⁸ Betterhelp. (n.d.). Depression Screening: Online And In-Person Mental Health Assessment Options Retrieved from https://www.betterhelp.com/advice/depression/depression-screening-online-and-in-person/
⁹ MedPark Hospital. (n.d.). ภาวะหมดไฟ (Burnout syndromes) สาเหตุ อาการ และการรักษา. Retrieved from https://www.medparkhospital.com/lifestyles/burnout-syndrome
10 Springer. (2021, January 9). Impact of Trauma-Informed Training and Mindfulness-Based Social–Emotional Learning Program on Teacher Attitudes and Burnout: A Mixed-Methods Study. Retrieved from https://link.springer.com/article/10.1007/s12310-020-09406-6
11 PubMed Central. (2019, May 20). The Core Components of Evidence-Based Social Emotional Learning Programs. Retrieved from https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6544145
12 Greater Good in Education. (n.d.). SEL for Students: Social Awareness and Relationship Skills. Retrieved from https://ggie.berkeley.edu/student-well-being/sel-for-students-social-awareness-and-relationship-skills








