10 พฤติกรรมที่ทำให้คนปิดใจ แก้ได้ง่ายๆ ด้วย SEL

10 พฤติกรรมที่ทำให้คนปิดใจ


“เคยสังเกตไหมว่า บางครั้งคนที่เคยสนิทกัน กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า? ทำไมคนที่เคยเปิดใจคุย กลับกลายเป็นเหมือนมีกำแพงสูงขวางกั้น…?

Dr. Hiro ผู้เขียนหนังสือ “ศาสตร์มืดแห่งการชักใยคน” สุดยอดหนังสือขายดีที่บอกเล่าถึงสาเหตุของการปิดใจของใครสักคน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากพฤติกรรมที่สะสมมา จนวันหนึ่งกำแพงนั้นก็สูงเกินกว่าจะปีนข้าม

ดังนั้น วันนี้ผมสนใจที่จะหยิบบางส่วนของเรื่องราวนี้มาวิเคราะห์ผ่านมุมมองของ #การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL) เพื่อให้เราเข้าใจไม่เพียงแค่ปัญหา แต่รวมถึงวิธีแก้ไขที่จะช่วยรื้อกำแพงนั้นลง หรือดีกว่านั้น – ป้องกันไม่ให้กำแพงนั้นถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรก


10 พฤติกรรมที่ทำให้คนปิดใจ

เมื่อเราปล่อยให้ตัวเองหรือสภาพแวดล้อมดูไม่สะอาด มันไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอก แต่ยังสะท้อนถึงการขาดการใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดและไม่อยากเข้าใกล้

เชื่อมโยง SEL: การตระหนักรู้ในตัวเอง (Self-Awareness) ช่วยให้เราตรวจสอบว่าการดูแลตนเองและสภาพแวดล้อมของเราส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร… เมื่อเราใส่ใจในเรื่องความสะอาด เราไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจแรกที่ดี แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้อื่นรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาใกล้ชิดและสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น

วิธีหลีกเลี่ยง: ฝึกสร้างนิสัยดูแลตนเอง เช่น การแต่งกายสะอาดเรียบร้อย การจัดระเบียบพื้นที่ทำงานให้สะอาดตา

ความคิดของเราเปรียบเสมือนแว่นตาที่เราใช้มองโลก ลองนึกเล่นๆ ว่า… “ถ้าเราสวมแว่นอันเดียวตลอดเวลา” เราจะพลาดโอกาสที่จะเห็นโลกในมุมมองที่สวยงามแตกต่างมากแค่ไหน…? การเปิดใจรับฟังไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนความคิดเดิมทั้งหมด แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ๆ ได้เติบโต เหมือนการปลูกต้นไม้ในสวน – เราไม่จำเป็นต้องถอนต้นไม้เก่าทิ้ง แต่เราสามารถปลูกต้นใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้สวนของเราสมบูรณ์ขึ้นได้

เชื่อมโยง SEL: การจัดการตนเอง (Self-Management) ช่วยให้เรายืดหยุ่นและเปิดใจต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง

วิธีหลีกเลี่ยง: เมื่อเราได้ยินความคิดเห็นที่แตกต่าง แทนที่จะรีบปฏิเสธ เราสามารถฝึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า:

  • “ฉันกำลังยึดติดกับประสบการณ์เดิมๆ มากเกินไปหรือเปล่า?”
  • “มีมุมมองอื่น ที่ฉันมองข้ามไปหรือไม่?”

ลองนึกถึงสถานการณ์ที่คุณกำลังแชร์ความคิดเห็นในที่ประชุม แล้วมีคนพูดตัดบทว่า “ผมทำงานมา 20 ปี ผมคือคนที่รู้ดีที่สุด” คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายความรู้สึก แต่ยังสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นระหว่างผู้คน การแสดงท่าทีเหนือกว่าอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกด้อยค่าและปิดใจทันที

เชื่อมโยง SEL: การรับรู้และเข้าใจผู้อื่น (Social Awareness) เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้ เมื่อเราเข้าใจว่าทุกคนมีประสบการณ์และมุมมองที่แตกต่างกัน เราจะเริ่มมองเห็นความหลากหลาย และมันไม่ใช่เรื่องของ “ใครเหนือกว่าใคร” แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น

วิธีหลีกเลี่ยง: แทนที่จะใช้คำพูดที่แสดงความเหนือกว่า เราสามารถเลือกใช้ภาษาที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนได้ เช่น:

  • “น่าสนใจมากครับ/ค่ะ ช่วยเล่าเพิ่มเติมได้ไหมว่าคุณมองประเด็นนี้อย่างไร?”
  • “ผม/ดิฉัน เข้าใจว่าเรามีประสบการณ์ต่างกัน อยากฟังมุมมองของคุณเกี่ยวกับ… หน่อยครับ/ค่ะ”

ผู้เขียนกล่าวว่า “การให้คำแนะนำในขณะที่อีกฝ่ายไม่ต้องการ จะทำให้คนฟังรู้สึกแย่พอๆ กับการนินทาว่าร้ายเลยทีเดียว!” โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับประโยคนี้ ลองนึกถึงสถานการณ์ที่มีคนคอยบอกเราตลอดเวลาว่า “ต้องทำแบบนี้นะ!!” “อย่าทำแบบนั้นนะ!!” หรือ “ฉันว่าเธอควรที่จะ…” โดยเฉพาะเวลาที่เราคุยเรื่องสัพเพเหระ เราไม่ควรเอา “ความถูกต้อง” เป็นที่ตั้ง!! เพราะไม่ช้าไม่นาน การชี้แนะหรือออกคำสั่งมากเกินไป อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกถูกควบคุม และรู้สึกไม่มีค่าพอ

เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาทักษะการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Skills) ช่วยให้เราเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้สั่งการ” มาเป็น “ผู้สนับสนุน” แทน เมื่อเราให้พื้นที่กับความคิดของผู้อื่น เราจะพบว่าการสนทนากลายเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ที่ทั้งสองฝ่ายได้เติบโต การสื่อสารแบบนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

วิธีหลีกเลี่ยง: แทนที่จะสั่งหรือแนะนำตรงๆ ว่า “คุณต้องทำแบบนี้” เราสามารถใช้คำถามที่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้คิดและแสดงความคิดเห็น เช่น:

  • “ในสถานการณ์นี้ คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด?”
  • “มีวิธีอื่นที่คุณอยากลองดูไหม?”

การพูดยาวเกินไปเปรียบเสมือนการเทน้ำลงในแก้วที่เต็มแล้ว – แทนที่จะเพิ่มคุณค่า กลับทำให้น้ำล้นและสูญเปล่า การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงไม่ได้อยู่ที่ปริมาณคำพูด แต่อยู่ที่การเลือกใช้คำที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม

เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาทักษะการจัดการตนเอง (Self-Management) ในการสื่อสารเริ่มต้นจาก 1) การกำหนดวัตถุประสงค์ของการสื่อสารให้ชัดเจน – เราต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจอะไร หรือทำอะไรหลังจากฟังเรา 2) การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล – แยกแยะระหว่างสิ่งที่ “ต้องรู้” กับ “น่ารู้” และ 3) การเตรียมตัวอย่างหรือการเปรียบเทียบที่ช่วยให้เข้าใจง่าย

วิธีหลีกเลี่ยง: ฝึกเตรียมตัวก่อนพูด โดยอาจจะนึกถึงหลัก “3C”

  • Clear (ชัดเจน) – ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา
  • Concise (กระชับ) – พูดเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ตัดส่วนที่ฟุ่มเฟือยออก
  • Compelling (น่าสนใจ) – สร้างการมีส่วนร่วมด้วยการเล่าเรื่องหรือตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง

ลองนึกถึงความรู้สึกเวลาที่เราพยายามแชร์ไอเดียดีๆ แต่อีกฝ่ายกลับจดจ่อกับโทรศัพท์มือถือ พยักหน้าเลื่อนลอย หรือพูดแทรกโดยไม่รอให้เราพูดจบ ความรู้สึกไม่ได้รับความสำคัญจะค่อยๆ สะสม จนกลายเป็นกำแพงที่ทำให้เราไม่อยากแบ่งปันความคิดเห็นอีกต่อไป

เชื่อมโยง SEL: การรับฟังอย่างลึกซึ้ง (Active Listening) เป็นมากกว่าแค่การได้ยินเสียง แต่เป็นศิลปะของการเข้าใจอย่างแท้จริง เปรียบเสมือนการอ่านหนังสือที่ต้องจับใจความสำคัญ เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกระหว่างบรรทัด และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้เขียน

วิธีหลีกเลี่ยง: การพัฒนาทักษะการรับฟังเริ่มได้จากการสร้างนิสัยง่ายๆ เช่น:

  • วางมือถือหรือหยุดสิ่งที่ทำขณะนั้น เมื่อมีคนกำลังพูดด้วย
  • สบตาและแสดงท่าทีสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสื่อสาร
  • ทวนความเพื่อให้แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกต้อง “ผม/ดิฉันเข้าใจถูกต้องไหม คุณกำลังบอกว่า…”
  • และการถามคำถามที่แสดงถึงความสนใจและต้องการเข้าใจให้ลึกซึ้งขึ้น

เมื่อเราปฏิเสธความคิดเห็นของผู้อื่นแบบไม่มีเหตุผล เช่น “ไม่ได้” “ไม่เอา” หรือ “ไม่ใช่” โดยไม่อธิบายเพิ่มเติม เราไม่ได้แค่ปิดกั้นไอเดีย แต่กำลังทำร้ายความมั่นใจของผู้พูดด้วย เปรียบเหมือนการปิดประตูใส่หน้าใครสักคนที่พยายามจะแบ่งปันสิ่งมีค่า – เขาอาจจะไม่กล้ามาเคาะประตูของเราอีก ทำให้คนหมดความมั่นใจและปิดใจ

เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาการตระหนักรู้ในสังคม (Social Awareness) ช่วยให้เราเข้าใจว่าทุกการปฏิเสธส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร เหมือนกับการโยนก้อนหินลงน้ำ – แม้จะเป็นก้อนเล็กๆ แต่คลื่นที่กระเพื่อมออกไปอาจกว้างกว่าที่เราคิด

วิธีหลีกเลี่ยง: หากจำเป็นต้องปฏิเสธ ควรให้เหตุผลอย่างสุภาพและเสนอตัวเลือกอื่นที่สร้างสรรค์และให้กำลังใจได้:

  • “ความคิดของคุณน่าสนใจมาก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรามีข้อจำกัดเรื่อง… ลองมาดูกันว่าเราจะปรับแนวคิดนี้ให้เข้ากับบริบทของเราได้อย่างไร”

อารมณ์รุนแรงเปรียบเสมือนไฟที่ลุกลาม – หากไม่ได้รับการควบคุม มันสามารถทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว รวมถึงความสัมพันธ์ที่เราสร้างมาอย่างยาวนาน การแสดงความโกรธหรือไม่พอใจโดยตรง อาจทำให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัย

เชื่อมโยง SEL: การจัดการอารมณ์ (Emotion Regulation) ไม่ใช่การกดข่มหรือเก็บกด แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสม เหมือนการควบคุมน้ำในเขื่อน – เราไม่ได้หยุดการไหลของน้ำ แต่เราเรียนรู้ที่จะปล่อยมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์

วิธีหลีกเลี่ยง: เทคนิคการจัดการอารมณ์เริ่มต้นจากการรู้เท่าทันตนเอง

  • การสังเกตสัญญาณเตือนในร่างกาย: หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น กล้ามเนื้อเกร็ง เหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าเราต้องหยุดและจัดการกับอารมณ์
  • การใช้เทคนิคหายใจ: การหายใจลึกๆ ช้าๆ เป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายผ่อนคลาย เหมือนการกดปุ่มรีเซ็ตระบบประสาทอัตโนมัติของเรา หายใจเข้าช้าๆ นับ 1-4 กลั้นไว้สั้นๆ แล้วหายใจออกช้าๆ นับ 1-6

การวิจารณ์เกินพอดีเปรียบเสมือนการใช้ค้อนทุบกระจก – แทนที่จะช่วยปรับปรุงหรือแก้ไข กลับทำให้แตกละเอียดจนยากจะซ่อมแซม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แค่ที่ผลงาน แต่ลึกลงไปถึงความมั่นใจและหมดกำลังใจของผู้ถูกวิจารณ์

เชื่อมโยง SEL: การวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ไม่เพียงช่วยให้ผู้อื่นพัฒนา แต่ยังสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และความไว้วางใจอีกด้วย

วิธีหลีกเลี่ยง: การให้ข้อเสนอแนะที่มีประสิทธิภาพควรคำนึงถึงหลักการสำคัญ:

  • เน้นที่พฤติกรรมหรือผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล:
    – แทนที่จะพูดว่า “คุณไม่ละเอียดพอ”
    – ควรพูดว่า “การตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกครั้งจะช่วยลดข้อผิดพลาดได้”
  • การให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง:
    – แทนที่จะบอกว่า “มันยังไม่ดีพอ”
    – ควรระบุว่า “การเพิ่มข้อมูลเชิงสถิติจะช่วยสนับสนุนประเด็นนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น”
  • การสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้และพัฒนา:
    – แทนที่จะมุ่งเน้นความผิดพลาด
    – ให้มองว่าทุกข้อเสนอแนะคือโอกาสในการเติบโต

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เราสามารถมอบให้ใครสักคนได้ เมื่อเราแสดงออกว่า “ไม่มีเวลา” เราไม่ได้แค่ปฏิเสธการสนทนา แต่เรากำลังส่งสัญญาณว่า “คุณไม่สำคัญพอที่จะได้รับเวลาของฉัน” ความรู้สึกนี้ฝังลึกและสามารถทำลายความสัมพันธ์ได้อย่างช้าๆ เหมือนน้ำที่หยดลงบนหิน – แม้จะทีละน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป รอยแยกก็จะปรากฏให้เห็น

เชื่อมโยง SEL: การตระหนักรู้ในสังคม (Social Awareness) เป็นเสมือนเข็มทิศที่ชี้ให้เราเห็นความต้องการทางอารมณ์ของผู้อื่น เมื่อใครสักคนต้องการพูดคุยกับเรา พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่คำตอบหรือข้อมูล แต่ต้องการการยอมรับ การรับฟัง และการให้คุณค่าไปพร้อมกันด้วย

วิธีหลีกเลี่ยง: วิธีแสดงออกถึงการให้ความสำคัญกับเวลาที่ใช้ร่วมกัน

  • การจัดการสิ่งรบกวน:
    – เมื่อมีคนต้องการคุยด้วย ให้วางโทรศัพท์คว่ำลงหรือปิดเสียงการแจ้งเตือน
    – หันหน้าเข้าหาคู่สนทนาและรักษาการสบตาที่เหมาะสม
  • การสื่อสารอย่างจริงใจ:
    – ถ้าเรามีเวลาจำกัด ให้บอกตรงๆ แต่ด้วยความใส่ใจ เช่น “ตอนนี้ผม/ดิฉันมีเวลา 15 นาที แต่อยากฟังสิ่งที่คุณต้องการจะเล่าค่ะ/ครับ”
    – ถ้าไม่สามารถให้เวลาได้ในตอนนั้น ให้นัดเวลาที่แน่นอนสำหรับการพูดคุยแทน

บทสรุป

กับดักของ 10 พฤติกรรมที่ทำให้คนปิดใจ เหล่านี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนอาจเคยเผลอทำโดยไม่รู้ตัว การบูรณาการทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) ช่วยให้เราปรับปรุงพฤติกรรมเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเปิดใจคนรอบตัว ท้ายสุดนี้ ผมเชียร์ให้เราลองเลือกข้อหนึ่งที่อยากปรับปรุง แล้วเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้เลยครับ!

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

16 วิธีมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ

16 วิธีมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ เหล่านี้ไม่ได้ต้องการให้คุณหาเวลาว่างเพิ่ม มันแค่ต้องการให้คุณกลับมาอยู่กับตนเองอย่างมีสติ (Mindfully) มากขึ้น

จะเป็นคนคิดบวกมากแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่ Growth Mindset

บางครั้งการคิดบวก ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการเพื่อฮีลใจ (เพื่อก้าวไปต่อไป) แต่บางครั้ง การเติบโตก็ต้องการให้เรานั่งอยู่กับความไม่สบายใจบ้าง

ที่ยังรู้สึกว่าชีวิตไม่มีเป้าหมาย อาจเป็นเพราะไม่เคยตั้งคำถาม..

เป้าหมายชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ต้องบังคับตัวเอง “ให้ต้องหาให้เจอ” แต่อาจคือสิ่งที่เราต้องค่อย ๆ “ตั้งคำถาม” แล้วคุยกับตัวเอง