เสียงแห่งความกลัว (Voice of Fear)

เสียงแห่งความกลัว


ผมเป็นคนที่ชอบสังเกต ‘เสียง’ ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจ/หรือในหัวตัวเองอยู่เสมอครับ ชอบตามดูว่ามันจะพาเราไปสู่พฤติกรรมแบบไหน เพราะถ้าเราสังเกตดีๆ มันส่งผลต่อการ “เลือก” ว่าจะลงมือทำหรือจะหยุดอยู่กับที่ วันนี้เลยอยากนำเรื่องนี้มาเรียบเรียงและแชร์กับทุกคนครับ

ผมเชื่อว่าในใจของพวกเราทุกคนมีเสียงกระซิบ (หรือบางทีก็ตะโกน) คุยกับเราอยู่ตลอดเวลา…

  • เสียงหนึ่ง มักจะดังขึ้นมาทันทีที่เราคิดจะลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือก้าวไปในทางที่ไม่คุ้นเคย
  • ส่วนอีกเสียง จะคอยกระซิบเบาๆ เพื่อบอกให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง

ซึ่งในโลกของการพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) เราไม่ได้เรียนรู้เพื่อ “กำจัด” เสียงไหนทิ้งไป แต่เราเรียนรู้ที่จะ “ฟัง” และ “เลือก” ว่าจะเชื่อเสียงไหนต่างหากครับ 😉


เสียงแห่งความกลัว

เสียงแห่งความกลัวมักจะมาก่อน และมักจะโผล่มาอย่างรวดเร็วและดังที่สุดเสมอ เช่น “ถ้าทำแล้วพลาด จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” “รอก่อน ยังไม่พร้อม ค่อยเริ่มวันหลังแล้วกัน”

ซึ่งเจ้าเสียงแห่งความกลัวฉลาดกว่าที่เราคิดครับ มันไม่ได้ตะโกนตรงๆ ว่า “อย่าทำ” แต่มันมีวิธีทำงานที่แยบยลกว่าคือ

  1. มันหาเหตุผล 108 มาลวงให้เราเชื่อ
    เสียงแห่งความกลัวไม่เถียงตรง ๆ ว่า “อย่าทำ” แต่มันจะหา “เหตุผลที่ดูสมเหตุสมผล” มาสนับสนุนความกลัว เช่น “ยังไม่ถึงเวลา” หรือ “ควรรอให้พร้อมกว่านี้ก่อน” ซึ่งฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อขังเราไว้ในพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ของตัวเอง
  2. มันทำให้เราสงสัยในความสามารถตนเอง
    เมื่อเราฟังเสียงนี้บ่อยๆ เราจะเริ่มสงสัยในความสามารถตัวเอง กลายเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าแสดงความเห็น และเริ่มเชื่อจริงๆ ว่าเรา “คงไม่เก่งพอ”
  3. มันปิดกั้นโอกาสเติบโต
    เพราะกลัวว่าจะพลาด เราจึงไม่กล้าที่จะลอง แล้วพอไม่ได้ลอง ก็ไม่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
  4. มันทำให้เราคิดลบไปก่อน
    เสียงนี้มักจะสร้างสถานการณ์ล่วงหน้าในแง่ร้ายเกี่ยวกับคนอื่น เช่น “เขาอาจจะไม่ชอบที่เราทำแบบนี้” หรือ “อย่าไปเสนอตัวเลย เดี๋ยวเขาจะรำคาญ” ทำให้เรากลายเป็นคนเก็บตัวและหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ
  5. มันชอบขุดอดีตมาปิดอนาคต
    มันมักจะดึงความผิดพลาดหรือความเจ็บปวดในอดีต มาสร้างภาพว่าอนาคตจะต้องลงเอยแบบเดียวกัน ทั้งที่สถานการณ์ในปัจจุบันอาจแตกต่างโดยสิ้นเชิง ทำให้เราจมอยู่กับความกังวลจนไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างเต็มที่

แต่เสียงนี้ไม่ได้ใจร้ายเสมอไปนะ…

จริงๆ แล้วมันมีเจตนาดี คือต้องการ “ปกป้อง” เราจากความล้มเหลวและความเจ็บปวด แต่ถ้าเราปล่อยให้มันดังเกินไป มันจะกลายเป็นกำแพงที่ขวางกั้นเราจากชีวิตที่เราอยากเป็น —เสียงแห่งความกลัวมักเชื่อมโยงกับการขาด Self-Awareness และ Self-Management เราอาจไม่เข้าใจว่าความกลัวนี้มาจากไหน และปล่อยให้มันควบคุมการตัดสินใจ


เสียงอีกด้านอาจจะเบากว่า แต่เต็มไปด้วยความมั่นคงและอ่อนโยน เป็นเหมือนเพื่อนแท้ที่คอยนำทาง มันอาจจะพูดกับเราว่า “ฉันรู้ว่าเรากังวล แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราทำไม่ได้” “เราเคยผ่านเรื่องยากๆ มาได้ตั้งหลายครั้ง ครั้งนี้เราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนกัน” เป็นต้น

นี่คือ เสียงที่เกิดจากการฝึกฝน Self-Awareness และ Self-Management อย่างต่อเนื่อง เมื่อเรารู้จักอารมณ์ของตนเอง มองเห็นความคิดที่วิ่งอยู่ในหัว (อย่างไม่ตัดสิน) เราจะแยกออกได้ว่าเสียงไหนคือ “ความกลัวที่กำลังหลอกเรา” และเสียงไหนคือ “ความจริงที่มาจากความเข้าใจตนเอง”

เมื่อเราฟังเสียงของความเข้าใจตนเอง เราจะพบว่า:

  1. สังเกตเสียงในหัวก่อน โดยไม่รีบตัดสิน
    เสียงของความเข้าใจตนเองเริ่มต้นจาก “การหยุดฟัง” ฟังโดยไม่ต้องรีบปฏิเสธหรือเชื่อทันที แค่สังเกตว่าเสียงนี้พูดอะไร และรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยิน
  2. ถามตัวเองเพื่อแยกแยะ “เสียงนี้มาจากความกลัว หรือความเข้าใจ?”
    คำถามนี้ช่วยให้เราแยกแยะว่าเรากำลังถูกความกลัวควบคุม หรือกำลังฟังเสียงจากความเข้าใจตนเอง คำถามนี้เหมือนเป็นตะแกรงร่อนความคิดชั้นดี
  3. ยอมรับอารมณ์ ไม่ใช่ผลักไส
    เสียงแห่ง Self-Awareness ไม่ได้บอกให้เราเลิกกลัว แต่สอนให้เรายอมรับว่า “โอเค ตอนนี้ฉันกำลังกลัว” การยอมรับอารมณ์คือจุดเริ่มต้นของการควบคุมมันได้ ก่อนที่จะเลือกตอบสนองอย่างเหมาะสม
  4. เห็นคุณค่าในตัวเอง แม้ในวันที่ไม่สมบูรณ์แบบ
    มันช่วยให้เราไม่ผูกความรู้สึกคุณค่าตนเองไว้กับความสำเร็จหรือคำชื่นชมจากคนอื่น เราสามารถพูดกับตัวเองได้ว่า “ฉันยังมีคุณค่า ถึงแม้วันนี้จะทำพลาดไปบ้าง”
  5. ไม่ปล่อยให้อดีตเข้ามาควบคุม
    แทนที่จะผลักไสความกลัวออกไป เราเรียนรู้ที่จะนั่งอยู่กับมัน ฟังมัน และตัดสินใจด้วยตัวเองว่าสิ่งใดคือความจริง และสิ่งใดคือแค่เสียงที่มาจากอดีต
  6. เราจะใจดีให้ตัวเองและคนรอบข้าง
    เมื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราจะมีความอดทนและเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะรู้ว่าทุกคนต่างก็มี “เสียงภายใน” ที่ต้องต่อสู้เหมือนกัน
  7. เราจะลงมือทำ แม้จะยังรู้สึกกลัวอยู่ก็ตาม
    ความเข้าใจตัวเองไม่ได้รอให้ความกลัวหายไปจนหมดถึงจะลงมือทำ แต่คือการให้กำลังใจตัวเองก้าวขาออกไป แม้จะยังรู้สึกไม่มั่นใจ 100% เพราะเราเชื่อมั่นในเป้าหมายของเรามากกว่าความกลัวชั่วคราว


บทสรุป: เสียงไหนที่คุณจะเลือกฟัง?

เสียงแห่งความกลัว Voice of Fear อาจจะพูดเสียงดังและน่าเชื่อถือ แต่เสียงแห่งความเข้าใจตัวเอง คือเสียงที่นำทางเราไปสู่การเติบโตอย่างแท้จริง

การเรียนรู้ทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) ไม่ได้ทำให้เสียงแห่งความกลัวหายไป แต่มันคือการมอบ “พลังในการเลือก” และพลังของการตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible decision-making) ให้กับเรา ว่าจะเชื่อเสียงไหน และจะให้เสียงไหนเป็นคนนำทางชีวิตของเราไปข้างหน้า


────────────
References:

Joe Pierre M.D. (2020). How Does Fear Influence Risk Assessment and Decision-Making. Retrieved from: https://www.psychologytoday.com/us/blog/psych-unseen/202007/how-does-fear-influence-risk-assessment-and-decision-making

Strategian: Science Magazine. (2020). Fear — impacts on decision-making and behavior. Retrieved from: https://www.strategian.com/2020/02/09/fear-impacts-on-decision-making-and-behavior  

Wake, S., Wormwood, J., & Satpute, A. B. (2020). The influence of fear on risk taking: a meta-analysis. Cognition & emotion34(6), 1143–1159. https://doi.org/10.1080/02699931.2020.1731428

Antonopoulou, H. (2024). The Value of Emotional Intelligence: Self-Awareness, Self-Regulation, Motivation, and Empathy as Key Components. Technium Education and Humanities8, 78–92. https://doi.org/10.47577/teh.v8i.9719

Rocky Mountain University of Health Professions. (2022). Emotional Self-Awareness: The Cornerstone of Emotional Intelligence. Retrieved from: https://rm.edu/blog/emotional-self-awareness-the-cornerstone-of-emotional-intelligence

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

7 กฏจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ
7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ

7 กฎจิตวิทยา ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และสร้างสมดุลใจ เหล่านี้ นอกจากช่วยให้คุณแกร่งทั้งทางใจแล้ว ยังเสริมกระบวนการคิดทางสมองอีกด้วย

6 Paradox ในจิตใจ
6 Paradox ในจิตใจ

6 Paradox ในจิตใจ ที่อยู่พร้อมกันในตัวเราเหล่านี้ หากเราเข้าใจและยอมรับทั้งคู่ อาจนำพาเราไปสู่ความสมบูรณ์แบบของชีวิตที่เรามองหาได้

วันละความรู้สึก

“ความรู้สึก” คือส่วนหนึ่งของความมีชีวิต แต่ปัญหาคือหลายคนไม่ทันตระหนักว่าตอนนี้ “ฉันรู้สึกอย่างไร?” และมีคลังคำศัพท์อารมณ์ไม่มากพอ