
ผมเป็นคนที่ชอบสังเกต ‘เสียง’ ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจ/หรือในหัวตัวเองอยู่เสมอครับ ชอบตามดูว่ามันจะพาเราไปสู่พฤติกรรมแบบไหน เพราะถ้าเราสังเกตดีๆ มันส่งผลต่อการ “เลือก” ว่าจะลงมือทำหรือจะหยุดอยู่กับที่ วันนี้เลยอยากนำเรื่องนี้มาเรียบเรียงและแชร์กับทุกคนครับ
ผมเชื่อว่าในใจของพวกเราทุกคนมีเสียงกระซิบ (หรือบางทีก็ตะโกน) คุยกับเราอยู่ตลอดเวลา…
- เสียงหนึ่ง มักจะดังขึ้นมาทันทีที่เราคิดจะลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือก้าวไปในทางที่ไม่คุ้นเคย
- ส่วนอีกเสียง จะคอยกระซิบเบาๆ เพื่อบอกให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง
ซึ่งในโลกของการพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) เราไม่ได้เรียนรู้เพื่อ “กำจัด” เสียงไหนทิ้งไป แต่เราเรียนรู้ที่จะ “ฟัง” และ “เลือก” ว่าจะเชื่อเสียงไหนต่างหากครับ 😉

เมื่อ “เสียงแห่งความกลัว” ดังกว่า (Voice of Fear)
เสียงแห่งความกลัวมักจะมาก่อน และมักจะโผล่มาอย่างรวดเร็วและดังที่สุดเสมอ เช่น “ถ้าทำแล้วพลาด จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” “รอก่อน ยังไม่พร้อม ค่อยเริ่มวันหลังแล้วกัน”
ซึ่งเจ้าเสียงแห่งความกลัวฉลาดกว่าที่เราคิดครับ มันไม่ได้ตะโกนตรงๆ ว่า “อย่าทำ” แต่มันมีวิธีทำงานที่แยบยลกว่าคือ
- มันหาเหตุผล 108 มาลวงให้เราเชื่อ
เสียงแห่งความกลัวไม่เถียงตรง ๆ ว่า “อย่าทำ” แต่มันจะหา “เหตุผลที่ดูสมเหตุสมผล” มาสนับสนุนความกลัว เช่น “ยังไม่ถึงเวลา” หรือ “ควรรอให้พร้อมกว่านี้ก่อน” ซึ่งฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อขังเราไว้ในพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ของตัวเอง - มันทำให้เราสงสัยในความสามารถตนเอง
เมื่อเราฟังเสียงนี้บ่อยๆ เราจะเริ่มสงสัยในความสามารถตัวเอง กลายเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าแสดงความเห็น และเริ่มเชื่อจริงๆ ว่าเรา “คงไม่เก่งพอ” - มันปิดกั้นโอกาสเติบโต
เพราะกลัวว่าจะพลาด เราจึงไม่กล้าที่จะลอง แล้วพอไม่ได้ลอง ก็ไม่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย - มันทำให้เราคิดลบไปก่อน
เสียงนี้มักจะสร้างสถานการณ์ล่วงหน้าในแง่ร้ายเกี่ยวกับคนอื่น เช่น “เขาอาจจะไม่ชอบที่เราทำแบบนี้” หรือ “อย่าไปเสนอตัวเลย เดี๋ยวเขาจะรำคาญ” ทำให้เรากลายเป็นคนเก็บตัวและหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ - มันชอบขุดอดีตมาปิดอนาคต
มันมักจะดึงความผิดพลาดหรือความเจ็บปวดในอดีต มาสร้างภาพว่าอนาคตจะต้องลงเอยแบบเดียวกัน ทั้งที่สถานการณ์ในปัจจุบันอาจแตกต่างโดยสิ้นเชิง ทำให้เราจมอยู่กับความกังวลจนไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
แต่เสียงนี้ไม่ได้ใจร้ายเสมอไปนะ…
จริงๆ แล้วมันมีเจตนาดี คือต้องการ “ปกป้อง” เราจากความล้มเหลวและความเจ็บปวด แต่ถ้าเราปล่อยให้มันดังเกินไป มันจะกลายเป็นกำแพงที่ขวางกั้นเราจากชีวิตที่เราอยากเป็น —เสียงแห่งความกลัวมักเชื่อมโยงกับการขาด Self-Awareness และ Self-Management เราอาจไม่เข้าใจว่าความกลัวนี้มาจากไหน และปล่อยให้มันควบคุมการตัดสินใจ

“เสียงของความเข้าใจตนเอง” (Voice of Self-Awareness)
เสียงอีกด้านอาจจะเบากว่า แต่เต็มไปด้วยความมั่นคงและอ่อนโยน เป็นเหมือนเพื่อนแท้ที่คอยนำทาง มันอาจจะพูดกับเราว่า “ฉันรู้ว่าเรากังวล แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราทำไม่ได้” “เราเคยผ่านเรื่องยากๆ มาได้ตั้งหลายครั้ง ครั้งนี้เราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนกัน” เป็นต้น
นี่คือ เสียงที่เกิดจากการฝึกฝน Self-Awareness และ Self-Management อย่างต่อเนื่อง เมื่อเรารู้จักอารมณ์ของตนเอง มองเห็นความคิดที่วิ่งอยู่ในหัว (อย่างไม่ตัดสิน) เราจะแยกออกได้ว่าเสียงไหนคือ “ความกลัวที่กำลังหลอกเรา” และเสียงไหนคือ “ความจริงที่มาจากความเข้าใจตนเอง”
เมื่อเราฟังเสียงของความเข้าใจตนเอง เราจะพบว่า:
- สังเกตเสียงในหัวก่อน โดยไม่รีบตัดสิน
เสียงของความเข้าใจตนเองเริ่มต้นจาก “การหยุดฟัง” ฟังโดยไม่ต้องรีบปฏิเสธหรือเชื่อทันที แค่สังเกตว่าเสียงนี้พูดอะไร และรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยิน - ถามตัวเองเพื่อแยกแยะ “เสียงนี้มาจากความกลัว หรือความเข้าใจ?”
คำถามนี้ช่วยให้เราแยกแยะว่าเรากำลังถูกความกลัวควบคุม หรือกำลังฟังเสียงจากความเข้าใจตนเอง คำถามนี้เหมือนเป็นตะแกรงร่อนความคิดชั้นดี - ยอมรับอารมณ์ ไม่ใช่ผลักไส
เสียงแห่ง Self-Awareness ไม่ได้บอกให้เราเลิกกลัว แต่สอนให้เรายอมรับว่า “โอเค ตอนนี้ฉันกำลังกลัว” การยอมรับอารมณ์คือจุดเริ่มต้นของการควบคุมมันได้ ก่อนที่จะเลือกตอบสนองอย่างเหมาะสม - เห็นคุณค่าในตัวเอง แม้ในวันที่ไม่สมบูรณ์แบบ
มันช่วยให้เราไม่ผูกความรู้สึกคุณค่าตนเองไว้กับความสำเร็จหรือคำชื่นชมจากคนอื่น เราสามารถพูดกับตัวเองได้ว่า “ฉันยังมีคุณค่า ถึงแม้วันนี้จะทำพลาดไปบ้าง” - ไม่ปล่อยให้อดีตเข้ามาควบคุม
แทนที่จะผลักไสความกลัวออกไป เราเรียนรู้ที่จะนั่งอยู่กับมัน ฟังมัน และตัดสินใจด้วยตัวเองว่าสิ่งใดคือความจริง และสิ่งใดคือแค่เสียงที่มาจากอดีต - เราจะใจดีให้ตัวเองและคนรอบข้าง
เมื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราจะมีความอดทนและเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะรู้ว่าทุกคนต่างก็มี “เสียงภายใน” ที่ต้องต่อสู้เหมือนกัน - เราจะลงมือทำ แม้จะยังรู้สึกกลัวอยู่ก็ตาม
ความเข้าใจตัวเองไม่ได้รอให้ความกลัวหายไปจนหมดถึงจะลงมือทำ แต่คือการให้กำลังใจตัวเองก้าวขาออกไป แม้จะยังรู้สึกไม่มั่นใจ 100% เพราะเราเชื่อมั่นในเป้าหมายของเรามากกว่าความกลัวชั่วคราว
บทสรุป: เสียงไหนที่คุณจะเลือกฟัง?
เสียงแห่งความกลัว Voice of Fear อาจจะพูดเสียงดังและน่าเชื่อถือ แต่เสียงแห่งความเข้าใจตัวเอง คือเสียงที่นำทางเราไปสู่การเติบโตอย่างแท้จริง
การเรียนรู้ทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) ไม่ได้ทำให้เสียงแห่งความกลัวหายไป แต่มันคือการมอบ “พลังในการเลือก” และพลังของการตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible decision-making) ให้กับเรา ว่าจะเชื่อเสียงไหน และจะให้เสียงไหนเป็นคนนำทางชีวิตของเราไปข้างหน้า
────────────
✦ References:
Joe Pierre M.D. (2020). How Does Fear Influence Risk Assessment and Decision-Making. Retrieved from: https://www.psychologytoday.com/us/blog/psych-unseen/202007/how-does-fear-influence-risk-assessment-and-decision-making
Strategian: Science Magazine. (2020). Fear — impacts on decision-making and behavior. Retrieved from: https://www.strategian.com/2020/02/09/fear-impacts-on-decision-making-and-behavior
Wake, S., Wormwood, J., & Satpute, A. B. (2020). The influence of fear on risk taking: a meta-analysis. Cognition & emotion, 34(6), 1143–1159. https://doi.org/10.1080/02699931.2020.1731428
Antonopoulou, H. (2024). The Value of Emotional Intelligence: Self-Awareness, Self-Regulation, Motivation, and Empathy as Key Components. Technium Education and Humanities, 8, 78–92. https://doi.org/10.47577/teh.v8i.9719
Rocky Mountain University of Health Professions. (2022). Emotional Self-Awareness: The Cornerstone of Emotional Intelligence. Retrieved from: https://rm.edu/blog/emotional-self-awareness-the-cornerstone-of-emotional-intelligence