12 เทคนิคบริหารเวลา แบบคนจัดการตัวเองเก่ง

12 เทคนิคบริหารเวลา แบบคนจัดการตัวเองเก่ง

เคยรู้สึกไหมว่า.. วันทั้งวันชีวิตยุ่งแทบตายแต่กลับไม่มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน? —ทำโน่นทำนี่จนเหนื่อย แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกไม่ก้าวหน้าเลย?

ถ้าใช่… ผมมั่นใจว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้นครับ 😂

ถ้าสมการคือ “เวลา” กับ “ตัวฉัน” โจทย์สำคัญของเรื่องนี้จึงคือ “วิธีที่เราจัดการตัวเองภายในเวลานั้น” ต่างหาก

นี่คือแก่นของ ทักษะการจัดการตนเอง (Self-management) หนึ่งในห้าทักษะหลักของการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ หรือ SEL ที่ช่วยให้เราจัดการกับความรู้สึก รับมือกับอารมณ์ กำหนดเป้าหมายชัดเจน และบรรลุความสำเร็จได้ แม้ในวันที่รู้สึกหมดแรง

ในบทความนี้ ผมจะพาไปรู้จักกับ 12 เทคนิคบริหารเวลา แบบคนจัดการตัวเองเก่ง ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังฝึกให้คุณจัดการตัวเองได้อย่างมีวินัย อดทน และตระหนักรู้ทั้งความคิดและอารมณ์ได้อย่างมีสติมากยิ่งขึ้น


การจัดการตนเอง คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เช่น:

  • มีสมาธิจดจ่อ ไม่วอกแวกง่าย
  • มีแรงจูงใจในการทำตามเป้าหมาย
  • ฟื้นตัวจากความผิดหวังได้เร็ว
  • ตัดสินใจอย่างมีสติและรับผิดชอบ

ซึ่งทั้ง 12 เทคนิคจัดการเวลาที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ จะช่วยพัฒนาทักษะนั้นให้คุณอย่างเป็นธรรมชาติ


12 เทคนิคบริหารเวลา แบบคนจัดการตัวเองเก่ง


1. Warren Buffett’s 25/5 Rule – เลือกเป้าหมายให้ชัด

เขียนเป้าหมาย 25 อย่าง เลือกแค่ 5 อย่างที่สำคัญที่สุดแล้วมุ่งโฟกัสทันที —Focus is power.

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
เทคนิคนี้ช่วยให้คุณกําหนดขอบเขต (set boundaries) ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะการจัดการตนเองที่ยากที่สุด แต่ให้อํานาจมากที่สุด ฝึกให้คุณกล้าปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ


2. 80/20 Rule – ทำให้น้อยแต่ได้ผลมาก

หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎพาเรโต” (Pareto principle) เป็นกรอบแนวคิดที่มีประโยชน์มากต่อการจัดการชีวิต กล่าวคือ 80% ของผลลัพธ์ มักมาจาก 20% ของสิ่งที่คุณทำ ดังนั้น เราจึงควรค้นหาสิ่งสำคัญนั้น แล้วโฟกัสกับมัน

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
คุณจะเริ่มตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต และใช้พลังกับสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ คุณจะเริ่มตัดสินใจทำในสิ่งที่ส่งผลต่อ impact มากขึ้น


3. 1-3-5 Rule – เลือกงานแบบพอดี

เลือกแค่ 1 งานใหญ่ + 3 งานกลาง + 5 งานเล็ก ในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ตัวเองแบกภาระมากเกินไป

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่ “ทำได้จริง” ลดความเครียดความกดดันต่อตัวเอง (self-pressure) และเพิ่มความพอใจเมื่อทำสำเร็จ



4. The 2-Minute Rule – ลงมือทำเลย ถ้าไม่เกิน 2 นาที

ถ้างานไหนใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ในการทำให้เสร็จสิ้น เช่น ตอบอีเมล หรือจัดโต๊ะทำงาน เป็นต้น ให้ลงมือทำเลย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยให้คุณลดความเครียดจากงานคั่งค้าง และฝึกให้คุณ “ลงมือทำทันที” แม้จะรู้สึกไม่อยากทำนัก —และยังช่วยสร้างนิสัยของการไม่สะสมงานค้างเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย


5. The Pomodoro Technique – ทำงานเป็นรอบสั้น ๆ

ตั้งเวลาทำงาน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที ทำวนไปเป็นรอบ ๆ เหมือนหั่นเวลาทำงานให้เล็กลงและย่อยง่ายขึ้น

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะควบคุมแรงดึงดูดจากสิ่งรบกวน มีความอดทนต่อสิ่งรอใจ (delaying gratification) เช่น การเช็คมือถือ การเปิดโซเชียล เป็นต้น พร้อมทั้งบริหารพลังงานของตัวเองอย่างมีสติมากขึ้น


6. Flowtime Technique – ทำตามจังหวะธรรมชาติของตัวเอง

แทนที่จะต้องมาตั้งเวลาจับนาฬิกาการทำงาน เทคนิคนี้แนะนำให้คุณทำงานไปเรื่อย (จนรู้สึกว่าเริ่มหมดโฟกัส) แล้วจึงพัก 5-10 นาที จดบันทึกช่วงเวลาที่คุณมี “โฟกัส” เพื่อปรับใช้ให้เหมาะกับธรรมชาติของตัวเองในอนาคต

 ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
คุณจะเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น และวางแผนชีวิตตามจังหวะของร่างกายและจิตใจ ไม่ฝืนจนเหนื่อยล้า —นี่คือภาวะที่ self-awareness + self-regulation = big wins



7. Eat the Frog – ทำสิ่งยากก่อน

เทคนิคนี้เปรียบการ “กลืนกบ” เหมือนงานที่คุณไม่อยากทำแต่ต้องทำ ดังนั้น จึงแนะนำให้คุณหยิบงานนั้นมารีบทำตั้งแต่เช้าให้จบๆ ไป แล้วจึงขยับไปทำงานอื่นๆ ตามลำดับ

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
คุณจะกล้ารับมือกับงานที่ท้าทายได้มากขึ้น ช่วยปลดล็อคความกังวลในสมอง และมีพลังเหลือไว้ใช้กับสิ่งอื่น ๆ ตลอดทั้งวัน


8. Kanban Board – วางแผนงานแบบเห็นภาพ

สร้างบอร์ดแบ่งงานเป็น 3 ช่อง: “ต้องทำ” “กำลังทำ” และ “ทำเสร็จแล้ว” แค่เห็นภาพก็รู้ว่าคุณอยู่ตรงไหนของงาน Visual satisfaction = Progress

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยให้คุณสามารถรักษาระดับแรงจูงใจ ไม่รู้สึกว่างานมั่วไปหมด และรู้จักลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ


9. Timeboxing – จัดตารางเวลาแบบมือโปร

ลองนึกภาพว่า คุณแบ่งวันของคุณออกเป็น ” time Tupperware ” เหมือนกับการใส่อาหารไว้ในกล่องถนอมอาหารที่ถูกแยกเมนูไว้ เรากำหนดชัดเจนว่า —เวลานี้ทำอะไร เวลาไหนพัก เวลาไหนคุยงาน

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
การวางแผนล่วงหน้าและทำตามแผนอย่างมีวินัย ฝึกให้คุณตั้งเป้าหมายก่อนลงมือทำ และไม่ปล่อยให้ตัวเองหลุดโฟกัสง่าย ๆ —hello, self-discipline!



10. Getting Things Done (GTD)เคลียร์สมองให้ว่าง

เทคนิคนี้มุ่งเน้นให้คุณจัดระบบในสมอง จับทุกอย่างใส่กระดาษหรือแอป จัดหมวดหมู่ คิดให้ชัด แล้วค่อยลงมือทำ

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยลดความรู้สึก “วุ่นวาย” ในหัว ทำให้คุณมีสติมากขึ้น คิดอย่างมีเหตุผล และวางแผนได้ดีขึ้น


11. Task Batching – ทำงานที่คล้ายกันให้จบในชุดเดียว

รวมงานประเภทเดียวกันไว้ทำพร้อมกัน เช่น ตอบอีเมลทีเดียว หรือโทรศัพท์ติดต่อรวดเดียว

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยลดความเครียดจากการสลับสมองไปมา และช่วยให้คุณจดจ่อกับงานได้นานขึ้น


12. Eisenhower Matrix – แยกงานด่วนกับงานสำคัญ

แบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท: ด่วนและสำคัญ / ไม่ด่วนแต่สำคัญ / ด่วนแต่ไม่สำคัญ / ไม่ด่วนไม่สำคัญ

ฝึกการจัดการตนเองยังไง:
ช่วยให้คุณประเมินความเร่งด่วนและความสำคัญของแต่ละงานได้ง่ายมากขึ้น และช่วยให้เกิดการตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดได้



สรุป: การจัดการเวลา = การจัดการชีวิต

อย่าคิดว่าการจัดการเวลาเป็นเรื่องของ “ประสิทธิภาพ” เท่านั้น มันคือการเคารพตัวเอง การเลือกว่าจะให้ชีวิตของคุณไปในทิศทางไหน และลงมือทำตามอย่างมั่นคง

ทุกเทคนิคที่คุณอ่านมาในวันนี้ คือ “เครื่องมือฝึกกล้ามเนื้อการจัดการตนเอง” คุณไม่ได้แค่เรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณกำลังเรียนรู้ที่จะ:

  • กำหนดขอบเขต
  • สร้างนิสัย
  • จัดการอารมณ์/ความคิด
  • มีสมาธิจดจ่อ
  • ทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ

ทั้ง 12 เทคนิคบริหารเวลา แบบคนจัดการตัวเองเก่ง เหล่านี้เป็นทักษะชีวิตพื้นฐาน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน ครู ผู้ปกครอง หรือผู้เชี่ยวชาญ การปรับปรุงนิสัยเกี่ยวกับเวลาของคุณจะช่วยให้คุณมีความมั่นคง ยืดหยุ่น และควบคุมเรื่องราวของคุณได้มากขึ้น

เวลาของคุณมีค่า — ถึงเวลาเอาคืนมาแล้ว

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต?

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า “ห้ามคิดถึงอดีตหรืออนาคต” แต่หมายถึงการแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างด้านจิตใจ กับด้านปัญญา

7 โซน Body Scan

ถ้าเราสามารถรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และความคิดของเราได้ทันท่วงที

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “วิธีการ” ที่ใช้กับคนอื่น แต่เป็น “การฝึกฝน” ที่เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน