Top 10 Triggers ที่คนทำงานเจอบ่อยในยุคนี้


บางครั้ง.. แค่คำพูดไม่กี่ประโยคจากเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านายสั่งงานด่วนแบบ “Last-minute” ก็อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนโดนจี้จุดถูกต่อมกระตุ้น (Triggers) จนอยากจะ “ระเบิดอารมณ์” ออกมาทันที!

ผมเชื่อว่าในชีวิตการทำงาน ไม่มีใครหนีพ้นเจ้าตัวกระตุ้นอารมณ์เหล่านี้แน่นอน (มากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน) เมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การหลีกเลี่ยงอารมณ์ด้านลบ แต่คือการ “รู้ตัวทัน” ว่าอะไรคือจุดกระตุ้น (triggers) ของเรา แล้วจัดการมันอย่างมีสติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Self-Awareness (การตระหนักรู้ในตนเอง) และ Self-Management (การควบคุมอารมณ์ตนเอง) ภายใต้กรอบของ Social Emotional Learning (SEL)


Self-Awareness (การตระหนักรู้ในตนเอง) เป็นหนึ่งในทักษะหลักของ SEL ที่ช่วยให้เรารับรู้อารมณ์ ความคิด และคุณค่าในตัวเองได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีสติ ไม่ใช่แค่ “ตอบโต้” ไปตามอารมณ์ การรู้ทัน Trigger (สิ่งกระตุ้นอารมณ์) คือจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนา Self-Awareness

Self-Management (การควบคุมอารมณ์ตนเอง) เป็นทักษะที่ต่อยอดจากการตระหนักรู้ในตนเอง เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งกระตุ้น เราจะสามารถเลือกที่จะจัดการกับอารมณ์และพฤติกรรมของเราได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์


TOP 10 Triggers ที่คนทำงานเจอบ่อยในยุคนี้

ข้อมูลต่อไปนี้ คือการจัดอันดับ 10 ทริกเกอร์ในที่ทำงานตาม “ความพบบ่อย” โดยประมาณเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) อ้างอิงจากแนวโน้มในงานวิจัยและรายงานด้าน HR รวมถึงความเครียดในที่ทำงานจากองค์กรต่างประเทศ เช่น Gallup, HBR, Forbes และ Deloitte

มาเรียนรู้ 10 ทริกเกอร์ที่พบได้บ่อยในที่ทำงาน พร้อมแนวทางฝึก Self-Awareness และ Self-Management ไปด้วยกัน

1. งานล้นจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

นี่คือปัญหาอันดับ 1 จากรายงานของ Gallup ปี 2024 และเป็นปัญหาหลักของยุค Work From Anywhere และ Multitasking ภาวะงานล้นมือเป็น Pain Point ของคนทำงานจำนวนมาก

  • Trigger: สมองมืดแปดด้าน อยากจะมือลั่นส่งจดหมายลาออก
  • Self-awareness: ฉันเหนื่อยทางกาย หรือกำลัง “คิดว่าตัวเองต้องทำให้ได้ทุกอย่าง”?
  • Self-management: หยุดพักสั้นๆ ดูใจตัวเอง แล้วจัดลำดับงานใหม่อย่างมีสติ

2. ขาดคำชม ทั้งที่ทุ่มเทเต็มที่

หลายองค์กรไม่มีกลไกการให้คุณค่า (Recognition) ที่ชัดเจน ทำให้พนักงานรู้สึกไม่มีคุณค่า หรือถึงมีก็ไม่ค่อยให้ Feedback ด้านบวกเท่าที่ควร

  • Trigger: รู้สึกเหมือนไม่มีใครเห็นคุณค่า
  • Self-awareness: ฉันกำลังรอคำชมเพื่อยืนยันตัวตน หรือฉันอยาก “เติมเต็ม” จากภายใน?
  • Self-management: เขียน journal บันทึกสิ่งดีๆ ที่ตัวเองทำในแต่ละวัน เพื่อฝึกเห็นคุณค่าในตนเอง

3. เจ้านายเปลี่ยนใจบ่อย

มักเกิดขึ้นในทีมที่เป้าหมายเคลื่อนไหวเร็ว หรือขาดการวางแผนล่วงหน้า ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกไม่มั่นคงของพนักงาน

  • Trigger: มาเปลี่ยนงานกลางคันทั้งที่ทำใกล้เสร็จแล้ว
  • Self-awareness: ฉันรู้สึก “เหนื่อย” หรือ “รู้สึกหมดความไว้วางใจ”?
  • Self-management: ถามให้ชัดเจนด้วยท่าทีสร้างสรรค์ และขอคำแนะนำเพื่อปรับแผนงาน

4. ความคิดเห็นถูกมองข้าม

  • Trigger: เสนอไอเดียแล้วไม่มีใครสนใจ
  • Self-awareness: ฉันแค่รู้สึก “น้อยใจ” หรือกำลังตีความว่าตัวเอง “ไม่มีค่า”?
  • Self-management: ลองประเมินว่าเราใช้วิธีการสื่อสารที่ชัดเจนหรือยัง และขอ feedback อย่างสุภาพ

5. ถูกตำหนิกลางที่ประชุม

  • Trigger: รู้สึกอับอายและเสียหน้า
  • Self-awareness: ถามตัวเองว่า “ฉันโกรธ เพราะคำพูด หรือโกรธเพราะฉันรู้สึกถูกด้อยค่า?”
  • Self-management: หายใจลึกๆ ตั้งใจฟังให้ครบ แล้วประเมินอย่างมีเหตุผลว่าสิ่งใดนำไปใช้ปรับปรุงได้

6. สื่อสารผิดพลาดจากอีเมล/แชท

  • Trigger: รู้สึกว่าโดนตำหนิหรือตัดสิน
  • Self-awareness: ฉันกำลังตีความจาก “อารมณ์ของฉันเอง” หรือจาก “ข้อมูลจริง”?
  • Self-management: อย่าตอบกลับทันที ให้เวลาตัวเองแล้วถามกลับเพื่อความเข้าใจ

7. ประชุมยาวไร้จุดหมาย

  • Trigger: รู้สึกเสียเวลาและไร้ประสิทธิภาพ
  • Self-awareness: ฉันต้องการ “ความชัดเจน” หรือฉันรู้สึกไม่ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า?
  • Self-management: เสนอไอเดียปรับการประชุม หรือใช้เวลาเงียบๆ ทบทวนอารมณ์ตัวเองในที่ประชุม

8. รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม (unfair treatment)

  • Trigger: คนอื่นได้โอกาส แต่เราถูกมองข้าม
  • Self-awareness: ฉันกำลังเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือฉันกำลังรู้สึกถึงการเลือกปฏิบัติที่แท้จริง?
  • Self-management: เขียนความรู้สึกลงกระดาษ ทบทวนว่าอะไรที่เราควบคุมได้ แล้วลงมือทำตรงนั้น

9. น้ำเสียงประชดประชัน/หยาบคายจากเพื่อนร่วมงาน

  • Trigger: รู้สึกถูกคุกคามหรือดูถูก
  • Self-awareness: ฉันรู้สึกโกรธเพราะ “คำพูด” หรือเพราะ “ฉันรู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพ”?
  • Self-management: ควบคุมอารมณ์ไว้ แล้วสื่อสารขอบเขตอย่างสงบและชัดเจน

10. งานด่วนไม่บอกล่วงหน้า (Last-minute tasks)

  • Trigger: รู้สึกถูกรบกวนการวางแผน หรือไม่มีอิสระในการจัดการเวลา
  • Self-awareness: ฉันโกรธเพราะ “เนื้องาน” หรือเพราะ “ฉันไม่มีอำนาจจัดลำดับชีวิต”?
  • Self-management: ฝึกตั้งขอบเขตอย่างสุภาพ และถามเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตอบรับงาน
อันดับTriggerพบบ่อย (%)หมายเหตุ
🥇 1งานล้นจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหน82%เป็นปัญหาอันดับ 1 จากรายงานของ Gallup ปี 2024 และเป็นปัญหาหลักของยุค work from anywhere และ multitasking ภาวะล้นงานเป็น pain point ของคนทำงาน
🥈 2ขาดคำชม ทั้งที่ทุ่มเทเต็มที่78%หลายองค์กรไม่มีกลไก recognition ที่ชัดเจน ทำให้พนักงานรู้สึกไม่มีคุณค่า
🥉 3เจ้านายเปลี่ยนใจบ่อย / ขาดความชัดเจน74%เกิดขึ้นในทีมที่เป้าหมายเคลื่อนไหวเร็ว หรือขาดการวางแผนล่วงหน้า ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกไม่มั่นคงของพนักงาน
4ความคิดเห็นถูกมองข้าม71%โดยเฉพาะในวัฒนธรรมองค์กรแบบ top-down หรือเมื่อพนักงาน junior ไม่มีพื้นที่แสดงออก
5ถูกตำหนิกลางที่ประชุม68%วัฒนธรรมองค์กรจำนวนมากยังไม่ส่งเสริม feedback อย่างมีศิลปะ การติชมต่อหน้าสามารถกระทบ self-esteem ได้สูง
6สื่อสารผิดพลาดจากอีเมล/แชท65%สะท้อนจากยุค remote/hybrid work ที่มีการเข้าใจผิดจาก tone หรือคำพูด
7ประชุมยาวไร้จุดหมาย63%HBR รายงานว่า 71% ของผู้บริหารรู้สึกว่าการประชุมบางครั้งเป็นการเสียเวลา
8รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม (unfair treatment)60%สะสมจนกลายเป็น disengagement เช่น ไม่ได้โปรโมท, ไม่ได้โอกาสเท่าเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่ผลงานใกล้เคียงกัน
9น้ำเสียงประชดประชัน/หยาบคายจากเพื่อนร่วมงาน57%เกิดบ่อยในวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่กล้าตรงไปตรงมา
10งานด่วนไม่บอกล่วงหน้า (Last-minute tasks)54%สไตล์การทำงานเร่งรีบในยุค digital ทำให้มักมีงานฉุกเฉิน/เปลี่ยนลำดับความสำคัญบ่อย

จากทริกเกอร์ทั้ง 10 ข้อที่เราได้เรียนรู้มา จะเห็นได้ว่าหัวใจสำคัญของการรับมือกับทริกเกอร์ในที่ทำงาน ไม่ใช่การหลีกเลี่ยง แต่คือการหยุด” และ “รู้ทัน” อารมณ์ ก่อนที่เราจะแสดงพฤติกรรมใดๆ ออกไป โดยใช้ 4 คีย์สำคัญง่ายๆ “Pause, Ask, Identify, Choose” ก่อน ดังนี้:

  1. Pause (หยุดและหายใจ): เมื่ออารมณ์เริ่มก่อตัว ให้หยุดนิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สัก 3-4 ลมหายใจ และสังเกตความรู้สึก รวมถึงผลกระทบทางกายที่เกิดขึ้น
  2. Ask (ถามและตั้งชื่อความรู้สึก): ถามตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้นกับฉันตอนนี้?” แล้วระบุให้ชัดเจนว่ากำลังรู้สึกอะไร เช่น โกรธ หงุดหงิด หรือผิดหวัง
  3. Identify (สิ่งนี้เตือนคุณให้นึกถึงอะไร): เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต เพื่อทำความเข้าใจรากของทริกเกอร์และรูปแบบอารมณ์ของตัวเอง
  4. Choose (เลือกตอบสนอง): ตัดสินใจเลือก “การตอบสนอง” ที่มีสติและสร้างสรรค์ แทนที่จะปล่อยให้เป็นเพียง “ปฏิกิริยาตอบโต้” โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดการอารมณ์อย่างมีสติ

การทำตาม 4 ขั้นตอนนี้จะช่วยสร้าง ช่องว่าง” ระหว่างสิ่งกระตุ้นและการตอบสนอง ทำให้คุณไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ และสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีเหตุผล นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งตนเองและสัมพันธภาพในการทำงาน

“เราเติบโตได้เมื่อเราตระหนักรู้ ไม่ใช่เมื่อเราตัดสินถูกผิดตัวเอง”
We grow when we are aware, not when we judge ourselves.



Sources:

Sarah Thompson. (2025). 7 Workplace Triggers That Test Your Understanding of Emotional Intelligence. Retrieved from: https://ahead-app.com/blog/eq-at-work/7-workplace-triggers-that-test-your-understanding-of-emotional-intelligence

Harvard Business Review. (2017). Stop Meeting Madness. Retrieved from:  https://hbr.org/2017/07/stop-the-meeting-madness

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต?

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า “ห้ามคิดถึงอดีตหรืออนาคต” แต่หมายถึงการแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างด้านจิตใจ กับด้านปัญญา

7 โซน Body Scan

ถ้าเราสามารถรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และความคิดของเราได้ทันท่วงที

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “วิธีการ” ที่ใช้กับคนอื่น แต่เป็น “การฝึกฝน” ที่เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน