The Power of 1%


เวลานึกถึงเป้าหมายใหญ่ๆ ในชีวิต เรามักรู้สึกว่ามันดูไกลตัวและยากที่จะไปถึง? และบ่อยครั้งที่หลายคนก็ท้อใจและเลิกล้มไปก่อน

หนังสือ “Atomic Habits” ของคุณ James Clear บอกไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตไม่ได้มาจาก “การตัดสินใจครั้งเดียว” แต่มาจาก “นิสัยเล็กๆ ที่ทำซ้ำๆ ทุกวัน” หรือที่เรียกว่า “พลังของ 1%” นั่นเอง

แนวคิดนี้คือการเพิ่มหรือปรับปรุงตัวเองแค่ทีละ 1% ในทุกๆ วัน เมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณอย่างที่เราคาดไม่ถึง และไม่ใช่แค่เรื่องการงานหรือสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การเรียนรู้ด้านสังคมและอารมณ์ (SEL) ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิต วันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจ 7 นิสัยเล็กๆ ที่ทำง่ายและได้รับการวิจัยแล้วว่าช่วยพัฒนา SEL ของคุณได้อย่างยั่งยืน



The Power of 1% – 7 พฤติกรรมเล็กๆ จากงานวิจัย ที่ทำให้คุณเก่งทั้งอารมณ์และความสัมพันธ์

อ่านวันละ 3 หน้า ฟังดูน้อยใช่ไหม? แต่ถ้าทำเป็นประจำ ปีหนึ่งคุณจะได้อ่านหนังสือ 12–18 เล่มเลยนะ!

งานวิจัยพบว่า: การอ่านโดยเฉพาะนิยายหรืองานเขียนที่เล่าเรื่องชีวิตคนอื่นจะช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น งานวิจัยจาก Journal of Applied Psychology พบว่าคนที่อ่านหนังสือบ่อยๆ จะมีความสามารถในการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (empathy) สูงขึ้นและยังช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ได้อีกด้วย

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) การได้คิดตามเรื่องราวจะช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น
  • การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) การได้มองเห็นโลกผ่านมุมมองของตัวละครทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้ดีขึ้น

เวลาเพียง 10 นาทีต่อวันดูน้อย แต่ถ้าทำทุกวัน เท่ากับเรามีเวลา “อยู่กับตัวเอง” กว่า 60 ชั่วโมงต่อปีเลยนะ!

งานวิจัยพบว่า: งานวิจัยมากมายยืนยันว่า การฝึกสติ (mindfulness) หรือการฝึกสมาธิโดยไม่ตัดสินความคิดจะช่วยให้เราจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดความเครียด และทำให้มีสมาธิมากขึ้น ในเด็กและวัยรุ่น การฝึกสมาธิสั้นๆ ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนรู้ได้ดีขึ้น

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การจัดการตนเอง (Self-management) ช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นและใจเย็นลง
  • การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible decision-making) ทำให้เราตัดสินใจโดยไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ

ลองเริ่มจากเก็บเงินวันละ 50 บาท พอครบปีจะมีเงินเก็บถึง 18,000 บาทเลยนะ!

งานวิจัยพบว่า: คุณอาจเคยได้ยินการทดลองชื่อดัง “Marshmallow Test” ที่ให้เด็กเลือกระหว่างขนม 1 ชิ้นเดี๋ยวนั้น กับ 2 ชิ้นถ้ารอได้อีก 15 นาที ผลการทดลองชี้ว่าเด็กที่รอได้ โตขึ้นจะมีวินัยในตนเองและประสบความสำเร็จมากกว่า การเก็บเงินก็เป็นการฝึก “รอเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” ที่ช่วยฝึกวินัยให้กับเราได้เช่นกัน

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การจัดการตนเอง (Self-management) เป็นการฝึกความอดทนและควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
  • การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible decision-making) ทำให้เราได้คิดก่อนใช้จ่ายและเลือกอย่างมีเหตุผลมากขึ้น

ลองนึกดู… ปีหนึ่งมี 52 สัปดาห์ ถ้าเรารู้จักคนใหม่ทุกสัปดาห์ ก็เท่ากับได้รู้จักคนใหม่ถึง 52 คนเลยนะ!

งานวิจัยพบว่า: การรู้จักคนใหม่ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องสังคม แต่มันช่วยให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น งานวิจัยเรื่อง “empathic accuracy” บอกว่าคนที่เข้าใจมุมมองของผู้อื่นได้ดีมักมีความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมีความฉลาดทางอารมณ์สูง

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) ทำให้เราเปิดใจและเรียนรู้จากคนที่คิดต่าง
  • การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills) เป็นการฝึกฟัง เข้าใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

จดแค่ 1 อย่างที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน ผ่านไป 1 ปี เราจะมีเรื่องดีๆ ให้ย้อนกลับมามองถึง 365 เรื่อง!

งานวิจัยพบว่า: การจด Gratitude Journal หรือการขอบคุณสิ่งเล็กๆ ในชีวิต ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลง และมองโลกในแง่ดีขึ้น งานวิจัยจาก Journal of Positive Psychology บอกเลยว่าคนที่ฝึกขอบคุณเป็นประจำจะมีสุขภาพจิตที่ดีกว่า

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ทำให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวเองและสิ่งดีๆ รอบตัว
  • การจัดการตนเอง (Self-management) ช่วยลดความเครียดและอารมณ์เชิงลบ

คำชมดีๆ แค่หนึ่งประโยค อาจเปลี่ยนวันทั้งวันของใครบางคนได้เลยนะ!

งานวิจัยพบว่า: คำชมช่วยสร้างความไว้วางใจ บรรยากาศที่อบอุ่น และลดความขัดแย้ง งานวิจัยจาก CASEL (Collaborative for Academic, Social, and Emotional Learning) ก็ยืนยันว่า พฤติกรรมเชิงบวกแบบนี้คือหัวใจสำคัญของ SEL ในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางอารมณ์

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills) ส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงบวกและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน

ลองเขียนลงไปเลยว่าวันนี้เราทำอะไรสำเร็จ ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน เช่น “ตื่นตรงเวลา” หรือ “ไม่เล่นมือถือระหว่างทำการบ้าน”

งานวิจัยพบว่า: การเขียนสะท้อนความคิด (reflective writing) ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีสมาธิ และจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริม growth mindset คือความเชื่อว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้และไม่ติดอยู่กับความล้มเหลวเดิมๆ

เกี่ยวอะไรกับ SEL:

  • การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ทำให้เรามองเห็นความสำเร็จของตัวเองและช่วยสร้างความมั่นใจ
  • การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ (Responsible decision-making) เป็นการฝึกทบทวนและวางแผนพัฒนาตัวเองอย่างมีเป้าหมาย

ตารางสรุป

นิสัยเล็กๆทักษะ SEL ที่พัฒนา
อ่านหนังสือวันละ 3 หน้าการตระหนักรู้ในตนเอง, การตระหนักรู้ทางสังคม
นั่งสมาธิวันละ 10 นาทีการจัดการตนเอง, การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ
เก็บเงินวันละ 50 บาทการจัดการตนเอง, การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ
ทำความรู้จักคนใหม่สัปดาห์ละ 1 คนการตระหนักรู้ทางสังคม, ทักษะความสัมพันธ์
เขียนขอบคุณวันละ 1 อย่างการตระหนักรู้ในตนเอง, การจัดการตนเอง
ชมคนอื่นวันละ 1 คำชมทักษะความสัมพันธ์
จด 1 ความสำเร็จเล็กๆ ต่อวันการตระหนักรู้ในตนเอง, การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ


บทสรุปส่งท้าย: เปลี่ยนชีวิต ด้วยสิ่งเล็กๆ ที่ทำทุกวัน

ไม่มีใครต้องเปลี่ยนตัวเองแบบ “พลิกชีวิตในคืนเดียว”
แค่เริ่มทำอะไรเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอ — อ่านหนึ่งหน้า ชมใครสักคน หายใจลึกๆ เขียนขอบคุณ —
สิ่งเล็กๆ เหล่านี้จะค่อยๆ สะสมกลายเป็นพลังมหาศาลในการพัฒนา SEL และชีวิตในระยะยาว

จำไว้ว่า… “นิสัย คือดอกเบี้ยทบต้นของการพัฒนาตัวเอง”
— James Clear, Atomic Habits


References:
1. Mar, R. A., Oatley, K., & Peterson, J. B. (2009). Exploring the link between reading fiction and empathy: Ruling out individual differences and examining outcomes. Communications, 34(4), 407–428.
https://doi.org/10.1515/COMM.2009.025

2. Mischel, W., Shoda, Y., & Rodriguez, M. L. (1989). Delay of gratification in children. Science, 244(4907), 933–938.
https://doi.org/10.1126/science.2658056 

3. ang, Y.-Y., Hölzel, B. K., & Posner, M. I. (2015). The neuroscience of mindfulness meditation. Nature Reviews Neuroscience, 16(4), 213–225.
https://doi.org/10.1038/nrn3916

4. Algoe, S. B. (2012). Find, remind, and bind: The functions of gratitude in everyday relationships. Social and Personality Psychology Compass, 6(6), 455–469.
https://doi.org/10.1111/j.1751-9004.2012.00439.x

5. Fredrickson, B. L. (2001). The role of positive emotions in positive psychology: The broaden-and-build theory of positive emotions. American Psychologist, 56(3), 218–226.
https://doi.org/10.1037/0003-066X.56.3.218

6. Pennebaker, J. W., & Chung, C. K. (2011). Expressive writing: Connections to physical and mental health. In H. S. Friedman (Ed.), The Oxford handbook of health psychology (pp. 417–437). Oxford University Press.
https://doi.org/10.1093/oxfordhb/9780195342819.013.0018

7. Zaki, J., Bolger, N., & Ochsner, K. (2008). It takes two: The interpersonal nature of empathic accuracy. Psychological Science, 19(4), 399–404.
https://doi.org/10.1111/j.1467-9280.2008.02099.x

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต?

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า “ห้ามคิดถึงอดีตหรืออนาคต” แต่หมายถึงการแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างด้านจิตใจ กับด้านปัญญา

7 โซน Body Scan

ถ้าเราสามารถรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และความคิดของเราได้ทันท่วงที

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “วิธีการ” ที่ใช้กับคนอื่น แต่เป็น “การฝึกฝน” ที่เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน