10 ตัวกระตุ้นอารมณ์ (Triggers)


เสียงดังเอะอะโวยวาย การถูกตะคอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว หรือเสียงร้องไห้โยเยจากเด็กข้างบ้าน… เราต่างมี “คน สถานที่ หรือเหตุการณ์” ที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่างในตัวเราโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้เรียกว่า emotional triggers หรือตัวกระตุ้นอารมณ์ ซึ่งมักจะทำให้เราเกิดอาการ “หลุด” อย่างฉับพลัน

— ลองจินตนาการว่าหากในแต่ละวันมีแต่เรื่องหนักๆ ถาโถมเข้ามากระตุ้นให้เรา “หลุด” อยู่ตลอดเวลา ผมนึกไม่ออกเลยว่าสภาพจิตใจของเราจะเป็นแบบไหน

นักจิตวิทยา ดร.ซูซาน อัลเบอร์ส (Susan Albers, PsyD) กล่าวว่า การรับมือกับ emotional triggers เริ่มต้นจาก การเพิ่มระดับความตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) และจบลงที่ การเลือกลงมือทำอะไรบางอย่างในรูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์กว่าเดิม (Self-management) —ซึ่งทั้งสององค์ประกอบนี้เป็นแกนหลักของ SEL ตามกรอบแนวคิดของ CASEL


Emotional triggers หรือตัวกระตุ้นทางอารมณ์ คือสถานการณ์รอบตัวที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างรุนแรงและฉับพลัน ซึ่งมักเป็นอารมณ์ด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ กลิ่น เสียง หรือแม้แต่ความคิดบางอย่าง ล้วนสามารถกระตุ้นสภาวะทางจิตใจและสุขภาพจิตของเราได้

สิ่งที่กระตุ้นอารมณ์เหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอย่างมาก บางคนอาจถูกกระตุ้นอารมณ์ทางลบด้วยกลิ่นน้ำหอมบางกลิ่น ในขณะที่อีกคนอาจ “หลุด” กับคำวิจารณ์เกี่ยวกับรูปลักษณ์หรือพฤติกรรม

“Emotional triggers มักทำให้คุณรู้สึกหรือคิดอะไรบางอย่าง (ที่แรงเกินกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น) เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากประสบการณ์เจ็บปวด ความเครียด หรือบาดแผลในอดีต”
—ดร.ซูซาน อัลเบอร์ส (Dr. Susan Albers)

ตัวอย่างของ Emotional Triggers ที่พบได้บ่อย เช่น:

  • เสียงเบิ้ลท่อไอเสียรถให้ดัง —อาจกระตุ้นความรู้สึกตกใจหรือวิตกกังวล เพราะเชื่อมโยงกับประสบการณ์อุบัติเหตุหรือเหตุการณ์รุนแรงในอดีต
  • คู่รักที่ถกเถียงด้วยเสียงดัง —อาจปลุกความรู้สึกโกรธหรือไม่ปลอดภัย คล้ายกับความรู้สึกตอนที่เคยได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันในวัยเด็ก
  • สถานการณ์ตึงเครียดในที่ทำงานหรือที่บ้าน —อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจหรือรู้สึกผิด จนต้องพยายาม “ทำให้ทุกคนพอใจ” เพื่อรักษาบรรยากาศให้ดูสงบ

หากเราสังเกตดีๆ แท้จริงแล้ว emotional triggers ของเรามักเชื่อมโยงโดยตรงกับความต้องการลึกๆ ของ “เด็กในตัวเรา” (inner child) รวมถึงความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา หรือเข้าใจอย่างแท้จริง


การเข้าใจตัวกระตุ้นทางอารมณ์ (emotional triggers) ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทั้ง การตระหนักรู้ในตนเอง (self-awareness) และ การจัดการตนเอง (self-management) ซึ่งเป็นรากฐานของการเรียนรู้ด้านสังคมและอารมณ์ (SEL) ดังนี้

  • มันส่งผลต่อวิธีที่เราตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
    ถ้าเราไม่รู้ตัวว่าอะไรเป็น trigger ของเรา เราอาจเผลอ “ตอบสนองแบบอัตโนมัติ” โดยไม่ได้คิดให้รอบคอบ หรืออาจแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์จริง
  • มันมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ของเรา
    เมื่อเราตีความพฤติกรรมของคนอื่นผ่านกรอบความรู้สึกหรือประสบการณ์ในอดีตของตัวเอง ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความขัดแย้ง หรือการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน
  • มันเผยให้เห็นพื้นที่ที่เรายังสามารถเติบโตได้
    Triggers เป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เรากลับมาทบทวนตัวเอง เปิดโอกาสให้เราเรียนรู้ และเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เมื่อเราเริ่มรู้ว่า อะไรที่กระตุ้นอารมณ์เราได้ง่าย เราก็จะสามารถ แยกแยะระหว่าง “อารมณ์” กับ “การกระทำ”, และ ระหว่าง “ความตระหนักรู้ (awareness)” กับ “แรงกระตุ้นแบบฉับพลัน (impulse)” ได้ดีขึ้น


10 ตัวกระตุ้นอารมณ์ (Triggers) ที่มักทำให้เราเกิดอาการหลุด

Emotional Triggers หรือ ตัวกระตุ้นทางอารมณ์ คือประสบการณ์หรือสถานการณ์บางอย่างที่สะกิดความรู้สึกด้านลบอย่างรุนแรงและฉับพลัน หลายครั้งเราเผลอ “ตอบสนองแบบอารมณ์นำ” ก่อนที่สมองจะได้ไตร่ตรองให้ดีเสียอีก

การรู้เท่าทัน emotional triggers จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) และเป็นทักษะสำคัญใน SEL เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ที่จะ รับรู้” และ เลือกตอบสนอง” อย่างมีสติมากขึ้น

แม้บางคำวิจารณ์จะมีเจตนาดี แต่หากไปแตะต้องจุดที่เรายังไม่มั่นใจ ก็อาจทำให้เรารู้สึกเจ็บหรือโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ได้ง่าย ๆ → ฝึกการแยกแยะระหว่าง “สาระ” กับ “อารมณ์” ของคำวิจารณ์ คือทักษะสำคัญที่ช่วยให้เรารับฟังและเติบโตได้

ไม่ว่าจะจากเพื่อน คนรัก หรือเพื่อนร่วมงาน ความไว้ใจที่ถูกทำลายอาจกระตุ้นความโกรธ เสียใจ หรือรู้สึกโดนทอดทิ้ง ความผิดหวังเช่นนี้แม้จะทำให้เรา “เจ็บจริง”  →แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะตั้งขอบเขตความสัมพันธ์ (boundary-setting)

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะ “ถูกปฏิเสธ” หลายคนเลือกที่จะปิดใจ หรือแสดงพฤติกรรมป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้เจ็บซ้ำ ความกลัวนี้มักมีรากฐานจากประสบการณ์ในอดีตที่เคยรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ →การเข้าใจกลไกภายในแบบนี้ จะช่วยให้เราเลือกตอบสนองอย่างมีเหตุผลมากขึ้น

เมื่อเราอธิบายความรู้สึกหรือความคิดเห็น แต่กลับรู้สึกว่าอีกฝ่าย “ไม่เข้าใจเราเลย” สิ่งนี้สามารถจุดชนวนความหงุดหงิดหรือทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวได้อย่างรวดเร็ว →การฝึกสื่อสารอย่างเปิดใจ และฟังอย่างตั้งใจ จะช่วยสร้างสะพานแห่งความเข้าใจที่แท้จริง

เคยไหม… อยู่ในกลุ่มเพื่อนหรือที่ประชุม แล้วรู้สึกเหมือนตัวเอง “ไม่มีตัวตน”? ความรู้สึกนี้อาจกระตุ้นความไม่มั่นใจ หรือทำให้เรารู้สึกด้อยค่ากว่าคนอื่น →การกลับมาเชื่อมั่นในคุณค่าและจุดแข็งของตัวเองคือหนทางคืนความมั่นคงภายใน

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่มาหาโดยไม่บอกล่วงหน้า คนรู้จักที่ถามคำถามล้ำเส้น หรือใครบางคนที่ไม่เคารพเวลาส่วนตัวของเรา สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นอารมณ์ไม่พอใจหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ →ฝึกการสื่อสารอย่างชัดเจนว่า “ตรงนี้คือขอบเขตของเรา” จะช่วยลดความรู้สึกนี้ได้

การที่เราตั้งใจพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกเพิกเฉย หรือไม่ได้รับการตอบสนอง อาจกระตุ้นความรู้สึกไร้คุณค่า หรือถูกลดทอนความสำคัญได้ง่าย ๆ →ฝึกพูดกับตัวเองว่า “สิ่งที่ฉันคิดและรู้สึกมีความหมาย” เป็นการปกป้องคุณค่าในตนเองอย่างอ่อนโยน

เมื่อใครบางคนหายไปจากชีวิตเราโดยไม่มีการบอกกล่าว ทิ้งเราไว้กับความสงสัยว่าเราทำผิดอะไรหรือเปล่า ความเงียบแบบนี้สามารถกระตุ้นความไม่มั่นใจ และทำให้เราจมอยู่กับความคิดวนซ้ำได้ →ฝึกการยอมรับว่า “การหายไปของเขา ไม่ได้สะท้อนคุณค่าของเรา” คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา

Passive-aggression เช่น การพูดจาเสียดสี หรือแสดงออกด้วยการเมินเฉย มักทำให้เรารู้สึกสับสนและไม่สบายใจ ความกำกวมของพฤติกรรมแบบนี้สามารถกระตุ้นอารมณ์โกรธหรือเสียศรัทธาได้ →การตั้งขอบเขตในการสื่อสารและเลือกไม่เล่นตามเกมอารมณ์เป็นวิธีดูแลใจที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อถูกวิจารณ์เกี่ยวกับรูปลักษณ์ ความเชื่อ หรือวิถีชีวิต อาจกระตุ้นความรู้สึกอับอายหรือโกรธได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะหากเคยถูกตัดสินบ่อยครั้งในอดีต →การเรียนรู้ที่จะยืนหยัดในคุณค่าของตนเองและเลือกรับฟังเสียงที่สร้างสรรค์จะช่วยให้เรารักษาความสงบภายในจิตใจได้อย่างมั่นคง



จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งไหนคือ Emotional Trigger ของเรา?

หลายครั้งที่เราเผชิญกับอารมณ์รุนแรงโดยไม่เข้าใจว่า “ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว” หรือ “ทำไมเราถึงตอบสนองแรงเกินไปกับเรื่องเล็กน้อย” นั่นอาจเป็นเพราะเราโดน “trigger” โดยไม่รู้ตัว

“เรามักจะเจอกับตัวกระตุ้นอารมณ์เดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนติดอยู่บนวงล้อของหนูแฮมสเตอร์”
— ดร.ซูซาน อัลเบอร์ส (Susan Albers, PsyD)

แต่เราจะหยุดหมุนบนวงล้อนั้นได้อย่างไร? แล้วจะเริ่มต้นสังเกต trigger ของตัวเองได้จากตรงไหน?

ดร. อัลเบอร์สแนะนำว่าให้ลอง “ถอยหลังหนึ่งก้าว” แล้วตั้งใจสังเกตความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้น (เหตุการณ์หรือคำพูด) กับความรู้สึกทางกายหรืออารมณ์ ที่เกิดขึ้นตามมา

เมื่อเราโดน trigger เรามักจะอยากหนีมัน เช่น หันไปเล่นมือถือ ดื่มเหล้า หรือแสดงอารมณ์รุนแรงอย่างโกรธเกรี้ยว แต่จริง ๆ แล้วเราควร ‘เปิดใจต้อนรับ’ ความรู้สึกเหล่านั้น แล้วถามตัวเองด้วยคำถามที่สำคัญเพื่อค้นให้เจอว่า trigger นี้กำลังบอกอะไรกับเรา”


5 เทคนิคเพื่อเข้าใจ emotional triggers ของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น

สิ่งแรกที่ควรทำคือ “ระบุชื่ออารมณ์” ที่คุณรู้สึก ณ ตอนนั้นให้ชัดเจน เช่น คุณรู้สึกโกรธ กังวล เจ็บใจ โดดเดี่ยว หรือหงุดหงิด? แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การตั้งชื่อให้กับความรู้สึกอย่างตั้งใจนั้นมีพลังมาก เพราะมันช่วยให้คุณ เผชิญหน้า กับอารมณ์ได้ตรง ๆ แทนที่จะพยายามผลักไสมันออกไป

มีงานวิจัยที่แสดงว่า การเรียกชื่ออารมณ์ของตนเองช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และทำให้เราสงบลงได้ง่ายขึ้น”
ดร. อัลเบอร์ส

เมื่อคุณสามารถพูดได้ว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกโกรธ” แทนที่จะรู้สึกสับสนมั่วไปหมด คุณจะเริ่มเข้าใจว่าควรจัดการกับอารมณ์นั้นอย่างไร เช่น ถ้าคุณรู้สึกโกรธ อาจต้องใช้วิธีคลายความตึงเครียด หรือถ้าคุณรู้สึกกังวล อาจเหมาะกับเทคนิคการหายใจหรือการเขียนบันทึก

เมื่อเกิดอารมณ์ trigger ลองถามตัวเองว่า: “ร่างกายของฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่?” “มีจุดไหนตึง เจ็บ หรือเกร็งเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ลองใช้วิธี body scan หรือการไล่ความรู้สึกจากศีรษะจรดปลายเท้า เพื่อดูว่า trigger นั้นไปสะสมอยู่ตรงไหนของร่างกาย เช่น:

  • บ่าและไหล่เกร็ง
  • รู้สึกจุกในท้อง
  • หายใจไม่เต็มปอด
  • มือสั่น หรือหัวใจเต้นแรง

เวลาที่คุณเปลี่ยนโฟกัสจากความคิดในหัว มาอยู่กับร่างกายของตัวเอง มันจะช่วยให้ระบบประสาทสงบลง และอารมณ์ค่อย ๆ เย็นลงตามไปด้วย”
ดร. อัลเบอร์ส

การเชื่อมโยงอารมณ์กับความรู้สึกทางกาย ช่วยให้คุณเข้าใจว่า trigger ไม่ใช่แค่ “เรื่องในใจ” แต่ยังส่งผลกับร่างกายด้วย

หลังจากที่คุณระบุได้แล้วว่ากำลังรู้สึกอะไร และร่างกายตอบสนองอย่างไร ต่อไปคือขั้นตอนของการ “เชื่อมโยงเรื่องราว” ให้ลองย้อนกลับมามองความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แล้วถามตัวเองว่า “ฉันเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?”

ลองสำรวจว่าความรู้สึกเจ็บ โกรธ กลัว หรือเศร้าในตอนนี้ เคยเกิดขึ้นในสถานการณ์อื่นมาก่อนไหม บางทีคุณอาจนึกถึง…

  • การทะเลาะอย่างรุนแรงกับคนในครอบครัว
  • ประสบการณ์จากวัยเด็กที่ยังฝังใจ
  • เหตุการณ์สะเทือนใจในอดีตที่คุณยังไม่ได้เยียวยา

การทบทวนว่าอารมณ์นี้เคยเกิดขึ้นเมื่อไหร่บ้างในอดีต อาจพาเรากลับไปสู่ช่วงเวลาเก่า ๆ ที่มีบาดแผลอยู่ และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการดูแลตัวเอง”
ดร. ซูซาน อัลเบอร์ส

เมื่อคุณเชื่อมโยงได้ว่า “ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ สะท้อนอะไรจากอดีตของเรา” คุณจะมีความเข้าใจที่ลึกขึ้นว่าทำไมสิ่งเล็ก ๆ ในปัจจุบันถึงกระทบใจเรามากขนาดนี้ — และจากจุดนั้นคุณสามารถเริ่มต้นกระบวนการรักษาได้อย่างมีทิศทาง

เมื่อเราโดน trigger ระบบประสาทของเราจะตอบสนองเหมือนกับว่า สิ่งที่เจ็บปวดในอดีตกำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสมองส่วน อะมิกดาลา (amygdala) ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์และความกลัว จะตีความสถานการณ์ตรงหน้าเหมือนว่ามันคือ “ภัยอันตรายเดิม”

สมองของเรามักแยกไม่ออกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก ‘ตอนนี้’ หรือ ‘เมื่อก่อน’”
ดร. ซูซาน อัลเบอร์ส

สิ่งที่เราต้องทำก็คือ “ดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน” ไม่ว่าจะเป็นการดึงตัวเองกลับมาอยู่กับลมหายใจ การเขียนไดอารี่ ดังนั้น การฝึกตัวเองให้ “จับได้ทัน” ว่าตอนนี้กำลังโดน trigger —จะสามารถ เปลี่ยนวิธีตอบสนองทั้งหมดได้ และนั่นคือพลังของการมี สติรู้ตัว (mindful awareness) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ SEL

ลองเปลี่ยนมุมมองด้วยการพูดกับตัวเองอย่างอ่อนโยน เช่น “คำติชมนี้ไม่ใช่การโจมตี แต่มันคือโอกาสให้ฉันพัฒนา” การพูดแบบนี้ช่วยให้คุณ เบนออกจากวงจรอัตโนมัติ และเข้ามาอยู่ในโหมดของการเรียนรู้แทน


บทสรุปส่งท้าย: Emotional Triggers ไม่ใช่ศัตรู แต่คือกระจกสะท้อนใจ

การเรียนรู้ที่จะรู้เท่าทัน emotional triggers ไม่ใช่การ “กำจัด” อารมณ์หรือความรู้สึกด้านลบ แต่คือกระบวนการกลับมาเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ว่าเรากำลังตอบสนองต่ออดีต หรืออยู่กับปัจจุบันอย่างไร

การเข้าใจและจัดการกับ triggers คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เรา

  • ตอบสนองต่อโลกด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่ด้วยแรงผลักของอดีต
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและแท้จริง
  • และสำคัญที่สุด — อยู่กับตัวเองอย่างเมตตา

ทุกครั้งที่คุณจับได้ว่า “นี่แหละ คือ moment ที่ฉันกำลังโดน trigger”
ขอให้คุณรู้ว่า นั่นไม่ใช่จุดอ่อนของคุณ แต่มันคือ จุดเริ่มต้นของการเติบโตที่แท้จริง

───────
การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม
socialandemotionallearning
เพจselminder


Sources:

Can You Identify Your Emotional Triggers? Retrieved from: https://health.clevelandclinic.org/emotional-triggers

Top 10 Emotional Triggers That Make You React Rather Than Respond. Retrieved from: https://medium.com/anchored-in-christ/top-10-emotional-triggers-that-make-you-react-rather-than-respond-d9c8810106b8

How to Identify and Manage Your Emotional Triggers. Retrieved from: https://www.healthline.com/health/mental-health/emotional-triggers

10 Common Triggers. Retrieved from: https://integrativepsych.co/new-blog/common-anxiety-triggers

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต?

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า “ห้ามคิดถึงอดีตหรืออนาคต” แต่หมายถึงการแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างด้านจิตใจ กับด้านปัญญา

7 โซน Body Scan

ถ้าเราสามารถรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เราก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์และความคิดของเราได้ทันท่วงที

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต

10 วิธีใจดีแบบมีขอบเขต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “วิธีการ” ที่ใช้กับคนอื่น แต่เป็น “การฝึกฝน” ที่เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน