
ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารและความท้าทายมากมาย ความสามารถในการ “ตระหนักรู้ในตนเอง” (Self-Awareness) ถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาตนเองและความสำเร็จในทุกมิติของชีวิต แต่บ่อยครั้งเรามักสับสนระหว่าง ‘ความตระหนักรู้’ กับ ‘ความรู้’ ซึ่งแม้จะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ
ความตระหนักรู้ vs. ความรู้: ความแตกต่างที่สำคัญ
→
- ความรู้ (Knowledge): คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง รายละเอียด ข้อมูลต่างๆ ที่มนุษย์ได้รวบรวม เก็บสะสม เรียนรู้ และจดจำไว้ในสมอง ความรู้เป็นเรื่องของข้อมูล ความทรงจำ หรือความสามารถในการระลึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มา เช่น การรู้สูตรคณิตศาสตร์, การจำชื่อเมืองหลวง, หรือการเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์
- ความตระหนักรู้ (Awareness): แตกต่างออกไป เพราะเป็นเรื่องของ ‘การรับรู้’ หรือ ‘การฉุกคิด’ ณ ขณะนั้น เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ภายนอก หรือความรู้สึกภายในที่เกิดขึ้น
ความตระหนักรู้คือการที่เรา ‘รู้ตัว’ ว่ากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ใด กำลังคิดอะไรอยู่ กำลังแสดงพฤติกรรมแบบไหน หรือกำลังรับรู้ถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างไร (อ้างอิงจาก Bloom and Faculty, 1971: 273)
ดังนั้น ความตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) จึงหมายถึงความสามารถในการสังเกต ตรวจสอบ และทำความเข้าใจสภาวะภายในของตนเองอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ของความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม ค่านิยม จุดแข็ง จุดอ่อน รวมถึงผลกระทบที่สิ่งเหล่านี้มีต่อผู้อื่นและต่อสถานการณ์ต่างๆ
3 องค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อ “ความตระหนักรู้ในตนเอง”
การเดินทางสู่การตระหนักรู้ในตนเองอย่างแท้จริงนั้น ประกอบด้วยการสำรวจและทำความเข้าใจ 3 องค์ประกอบหลักที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ได้แก่ ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถพัฒนาและฝึกฝนได้
ดังนั้น องค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อ การตระหนักรู้ในตนเอง จึงประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1. ด้านความคิด (Thoughts) และค่านิยม (Values)
→
- ความคิด: คือกระบวนการทางจิตที่เราใช้ในการรับรู้ ตีความ และตอบสนองต่อโลกภายนอกและภายในตัวเรา ความคิดของเราเป็นเหมือนเลนส์ที่ใช้มองโลก ทำให้แต่ละบุคคลมีมุมมองและแสดงพฤติกรรมออกมาแตกต่างกัน การตระหนักรู้ในความคิดหมายถึงการที่เราสามารถสังเกต ‘สิ่งที่คิด’ ได้ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเชิงบวก ลบ การตัดสิน หรือแม้แต่ความคิดที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังการกระทำของเรา การทำความเข้าใจความคิดของตนเองจะช่วยให้เราสามารถคัดกรองและปรับเปลี่ยนรูปแบบการคิดที่ไม่เป็นประโยชน์ได้
- ค่านิยม: เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าความคิด เป็นเหมือนเข็มทิศชีวิตที่บุคคลยึดมั่น เป็นแนวคิด ความเชื่อ หรือหลักการที่สำคัญ ซึ่งเป็นแรงจูงใจและเป็นตัวกระตุ้นให้บุคคลตัดสินใจเลือกแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนเอง การตระหนักรู้ในค่านิยมของตนเองจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสอดคล้องกับสิ่งที่เราเชื่อมั่น ทำให้เกิดความสุขและความพึงพอใจในระยะยาว และช่วยให้การตัดสินใจต่างๆ มีความชัดเจนและมั่นคงมากขึ้น
2. ด้านอารมณ์ความรู้สึก (Emotions/Feelings)
→
- นี่คือการรู้จักและเข้าใจอารมณ์ของตนเองตามความเป็นจริง การที่เราสามารถระบุได้ว่าขณะนี้เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ เช่น ความสุข ความเศร้า ความโกรธ ความกลัว ความกังวล หรือความตื่นเต้น และที่สำคัญคือ ‘ทำไม’ เราถึงรู้สึกเช่นนั้น การเข้าใจต้นตอของอารมณ์ จะช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการระบายออกอย่างสร้างสรรค์ การสงบสติอารมณ์ หรือการเรียนรู้จากอารมณ์ที่เกิดขึ้น
- การตระหนักรู้ในอารมณ์เป็นก้าวแรกสู่การมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ (Emotional Maturity) ที่จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ และสามารถควบคุมปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
3. ด้านพฤติกรรม (Behaviors)
→
- คือการรู้จักและเข้าใจตนเองเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือคุณลักษณะต่างๆ ภายในตัวบุคคลที่สะท้อนออกมาภายนอก การตระหนักรู้ในพฤติกรรมหมายถึงการที่เราสามารถสังเกต ‘สิ่งที่กำลังทำ’ และ ‘รูปแบบการแสดงออก’ ของตนเองในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงลักษณะทางด้านร่างกาย ท่าทาง อุปนิสัย และวิธีการปรับตัวในสังคม การที่เราเข้าใจว่าพฤติกรรมของเราส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร และพฤติกรรมเหล่านั้นสอดคล้องกับความคิดและอารมณ์ของเราหรือไม่ จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือเสริมสร้างพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตระหนักรู้ในพฤติกรรมยังรวมถึงการรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล
บทสรุป: เส้นทางสู่การเติบโตที่ไม่สิ้นสุด
การตระหนักรู้ในตนเองไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นเส้นทางของการเรียนรู้และสำรวจตัวเองอย่างต่อเนื่อง การทำความเข้าใจใน 3 องค์ประกอบหลักคือ ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความเข้าใจในตนเองอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เราจัดการกับความท้าทายในชีวิตได้ดีขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้เติบโต พัฒนา และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและเปี่ยมด้วยความหมายในทุกวัน
Source:
Bloom, B. S., & Krathwohl, D. R. (1971). Taxonomy of Educational Objectives: The Classification of Educational Goals, Handbook 1: Cognitive Domain. New York: David McKay.