9 นิสัยขโมยความสุข (ที่เรากำลังขโมยออกจากตัวเอง)

9 นิสัยขโมยความสุข


“รู้ไหม? อารมณ์ของเรากำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างอยู่เสมอ…!”  อารมณ์ด้านลบ คือ สัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างกำลังรอการแก้ไข ส่วนอารมณ์ด้านบวก คือ รางวัลจากการเลือกทางที่ถูกต้อง… เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “The Subtle Art of Not Giving a F*ck” โดย Mark Manson ที่ผมสะดุดตาและเปลี่ยนมุมมองเรื่องอารมณ์ของผมไปตลอดกาล…

ข้อความนี้ชี้ให้เราเห็นความสำคัญของ “การเข้าใจภาษาของอารมณ์” เพราะมันคือกุญแจสู่การตระหนักรู้ในตัวเอง (Self-awareness) การเข้าใจคุณค่าภายใน และการปรับปรุงชีวิตให้สมดุลมากขึ้น

วันนี้ #SELminder อยากคุยถึงเรื่องราวเบื้องหลังของ 9 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังขโมยความสุขจากตัวเอง ผ่านมุมมองของการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม: Social and Emotional Learning (SEL) พร้อมจะค้นพบและเรียนรู้ที่จะฟังและเข้าใจอารมณ์ทั้งสองด้านหรือยัง?


9 นิสัยขโมยความสุข (ที่เรากำลังขโมยออกจากตัวเอง)

  • สาเหตุ: การพูด “ใช่” หรือ “ตอบรับ” กับทุกคำขอโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดของตนเอง หรือละเลยความต้องการของตนเอง มักนำไปสู่ความเครียด ความคับข้องใจ และการสูญเสียตัวตน
  • ทางออก: เริ่มต้นที่กลับมาตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ตั้งแต่การสังเกตุอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการ set boundaries ที่เหมาะสมในการจัดการเวลาและวางขอบเขตความสัมพันธ์
  • สาเหตุ: การเก็บกดทุกความรู้สึกไว้ในใจบ่อย ๆก็ไม่ต่างอะไรกับภูเขาไฟที่รอวันระเบิด.. ทำให้เกิดความคับแค้นและเศร้าสะสม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกาย
  • ทางออก: ความจริงที่ต้องยอมรับคือ “อารมณ์และความรู้สึกด้านลบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน” หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอ! คำถามคือ เมื่อมีความรู้สึกด้านลบเกิดขึ้นเราควร “เก็บไว้ในใจ” หรือ “ระบายมันออกมา”?

ตามมุมมองของนักจิตวิทยาคลินิก คุณรัชดาภรณ์ ศรีวิลัย จากบทความของ Alljitblog อธิบายว่า: ไม่ว่าจะเก็บไว้/หรือระบายออก ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน:

  • การเก็บความรู้สึกไว้อาจเหมาะสมเมื่อเราพิจารณาแล้วว่าการพูดออกไปอาจไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
  • การระบายความรู้สึกเป็นทางเลือกที่ดีเมื่อเรารู้สึกอึดอัด หรือเห็นว่าหากสื่อสารออกไปจะช่วยแก้ไขสถานการณ์บางอย่างให้ดีขึ้นได้

กุญแจสำคัญคือ ทักษะการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making) ในการเลือกใช้ทั้งสองวิธีอย่างสมดุล —ไม่เก็บกดมากเกินไปจนกระทบต่อสุขภาพจิต ไม่ระบายมากเกินไปจนกระทบความสัมพันธ์ — พิจารณาความเหมาะสมตามสถานการณ์ มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

  • สาเหตุ: แม้ว่าการมีความสุขจากการอยู่ร่วมกับผู้อื่นจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การผูกโยงความสุขทั้งชีวิตไว้กับบุคคลอื่นเพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่รากฐานที่มั่นคงสำหรับความสุขที่ยั่งยืน และอาจนำไปสู่ความผิดหวังเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองตามที่คาดหวัง
  • ทางออก: พัฒนาความเมตตาต่อตัวเองและฝึกการอยู่คนเดียว ทักษะการจัดการตนเอง (Self-management) ของ SEL ช่วยให้คุณรับมือกับความเหงาได้ดีขึ้น ทำให้คุณสามารถหาความสุขจากภายในได้

  • สาเหตุ: สภาพแวดล้อมและคนรอบข้างที่เป็นพิษ (Toxic) มีผลกระทบโดยตรงต่ออารมณ์และทัศนคติของเรา
  • ทางออก: ประเมินและปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณตามความเหมาะสม SEL สอนให้คุณรู้จักใช้ทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship skills) เพื่อสร้างเครือข่ายที่สนับสนุนและเป็นบวก
  • สาเหตุ: การมองโลกในแง่ร้ายและทัศนคติเชิงลบอาจบดบังประสบการณ์ที่ดีทั้งหมด เมื่อคุณสนใจแต่ด้านลบอยู่เสมอ มันก็ยากที่จะรู้สึกมีความสุข
  • ทางออก: ฝึกเขียนบันทึกความขอบคุณ (Gratitude journal) ในแต่ละวัน ช่วยพัฒนาทักษะการจัดการอารมณ์ของตนเอง (Self-management) ช่วยให้คุณเปลี่ยนจุดโฟกัสจากความคิดเชิงลบไปสู่มุมมองที่สมดุลมากขึ้น
  • สาเหตุ: คนที่สงสัยในตัวเองและมีความเชื่อที่จำกัด มักจะมีคำพูดที่ติดปากว่า “ทำไม่ได้หรอก..” “มันเป็นไปไม่ได้…” หรือ “จะทำได้จริงหรอ…” ความเชื่อเหล่านี้อาจทำให้คุณปฏิเสธความสุข รู้สึกไม่คู่ควร และบั่นทอนตัวตน
  • ทางออก: ท้าทายความเชื่อเชิงลบด้วยคำพูดยืนยันเชิงบวก พัฒนาทักษะการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ช่วยให้คุณค่อยๆ ปรับความเชื่อที่จำกัด มาสู่การรู้จักคุณค่าของตนเอง

  • สาเหตุ: ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ทำให้คุณติดอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) และการอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอาจทำให้ชีวิตหยุดนิ่งและไม่พัฒนา ทำให้คุณไม่กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ ที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริง
  • ทางออก: เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในตนเอง ส่งเสริมทักษะการจัดการตนเอง (Self-management)  ที่ช่วยให้คุณกล้าเผชิญการเปลี่ยนแปลงและเติบโตทีละขั้น
  • สาเหตุ: ความรู้สึก “ขาดภายในจิตใจ” ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกขาดการยอมรับ ขาดความชื่นชม ขาดความภูมิใจในตนเอง หรือขาดการเชื่อมโยงกับตัวตนภายใน ทำให้ใจโหยหา “ความสุขมาเติมใจ” อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ยิ่งความรู้สึกขาดเหล่านี้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ตัวตนหมดแรงไร้พลัง
  • ทางออก: หลักการของ SEL เน้นการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ตัวอย่างกิจกรรมเช่น การจดบันทึกความรู้สึก (emotions journal) การสะท้อนตนเอง (self-reflection) ช่วยให้คุณกลับมาเห็นตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • สาเหตุ: เมื่อขาดกิจกรรมที่สร้างความสุขและความภูมิใจ ชีวิตอาจรู้สึกซ้ำซากและจำเจ งานอดิเรกเป็นวิธีที่ดีในการหลีกหนีจากความเครียดและสร้างความหมายในชีวิต
  • ทางออก: ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ หรือเข้าร่วมคอมมูนิตี้กับผู้คนที่มีความชอบคล้ายๆ กัน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความสุขโดยรวมได้

บทสรุป – การค้นพบสาเหตุเบื้องหลังความไม่มีความสุข หรือ 9 นิสัยขโมยความสุข (ที่เรากำลังขโมยออกจากตัวเอง) อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนชีวิตถูกถาโถม แต่การค่อยๆ ลงมือเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างมีจุดประสงค์จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ด้วยกระบวนการ #การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL) คุณสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้และสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความหมาย

เพราะ “การเดินทางเริ่มต้นด้วยการตระหนักรู้ในตนเอง”

Sources:
https://jamesclear.com/book-summaries/the-subtle-art-of-not-giving-a-fck

https://justintaylorblog.medium.com/the-real-reason-youre-unhappy-f651a69aaa8

https://medium.com/@gigiipepper/reasons-why-you-may-be-unhappy-with-your-life-and-how-to-live-a-happier-life-831527729c1

https://www.forbes.com/sites/travisbradberry/2016/10/25/12-reasons-youre-not-as-happy-as-you-should-be/

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

16 วิธีมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ

16 วิธีมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ เหล่านี้ไม่ได้ต้องการให้คุณหาเวลาว่างเพิ่ม มันแค่ต้องการให้คุณกลับมาอยู่กับตนเองอย่างมีสติ (Mindfully) มากขึ้น

จะเป็นคนคิดบวกมากแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่ Growth Mindset

บางครั้งการคิดบวก ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการเพื่อฮีลใจ (เพื่อก้าวไปต่อไป) แต่บางครั้ง การเติบโตก็ต้องการให้เรานั่งอยู่กับความไม่สบายใจบ้าง

ที่ยังรู้สึกว่าชีวิตไม่มีเป้าหมาย อาจเป็นเพราะไม่เคยตั้งคำถาม..

เป้าหมายชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ต้องบังคับตัวเอง “ให้ต้องหาให้เจอ” แต่อาจคือสิ่งที่เราต้องค่อย ๆ “ตั้งคำถาม” แล้วคุยกับตัวเอง