จะเป็นคนคิดบวกมากแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่ Growth Mindset



หลายคนเข้าใจผิดว่า “การคิดบวก” (Positive Thinking) และ “การมีกรอบความคิดแบบเติบโต” (Growth Mindset) คือสิ่งเดียวกัน แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่สนใจเรื่องนี้และศึกษาจากงานวิจัยหลายชิ้น พบว่าสองสิ่งนี้มีจุดมุ่งหมายและการทำงานที่ค่อนข้างต่างกันอยู่พอสมควรครับ

  • Positive Thinking: มุ่งเน้นลดแรงต้านทางอารมณ์ในช่วงสั้นๆ เพื่อรู้สึกดีในปัจจุบัน
  • Growth Mindset: มุ่งเน้นการเรียนรู้จากความท้าทายและพัฒนาในระยะยาว

พูดแบบสั้นๆ คือ #การคิดบวก ให้ความสบายใจ ณ ขณะนั้นทันที (ที่คิด) แต่ #GrowthMindset ให้มุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงระยะยาว

วันนี้ผมและเพจ SELminder จึงอยากชวนคุยเรื่องนี้ครับ ว่าทำไมการมองโลกในแง่ดีกับกรอบความคิดแบบเติบโตจึงไม่คล้ายกัน และเราควรเลือกใช้เครื่องมือทางความคิดตัวไหนในสถานการณ์ใด


พลังของ “การคิดบวก” (Positive Thinking) มันช่วยให้เรา “รู้สึกดี รู้สึกโล่งใจ” ได้ทันทีครับ หลักการของมันคือ: แค่เพ่งความสนใจไปที่สิ่งดีๆ แล้วเราจะรู้สึกดีขึ้นเอง

“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้งเอง…”

ซึ่งไม่มีอะไรผิดเลยครับ หากเราเลือกใช้ในเวลาที่เหมาะสม  — แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน การมุ่งเน้นแต่แง่ดีของชีวิตเพียงอย่างเดียว หรือ Silver Linings และเลือกที่จะปฏิเสธความรู้สึกด้านลบ หรือไม่ยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น — อาจกลายเป็นสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า Toxic Positivity หรือ การคิดบวกที่เป็นพิษ แนวคิดที่ว่าอารมณ์ด้านลบเป็นสิ่งไม่ดี และควรถูกกดไว้หรือมองข้ามไป จนสร้างความกดดันให้กับตัวเองหรือคนรอบตัว (ต้องแสดงออกว่ามีความสุขตลอดเวลา)

ตัวอย่างที่เห็นชัดเลยคือ เวลาเพื่อนมาระบายความทุกข์ใจ แล้วเรารีบตอบกลับไปว่า “อย่าคิดมาก.. เดี๋ยวมันก็ดีเอง” แทนที่จะเปิดรับฟัง


ในทางกลับกัน Growth Mindset คือ ความสามารถในการมองอุปสรรคหรือความผิดพลาด ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง

คนที่มี Growth Mindset จะไม่พูดว่า ❌ “ฉันทำสิ่งนี้ไม่เก่ง”
แต่จะบอกว่า ✅ “ฉันยังทำสิ่งนี้ไม่เก่ง…”

คำว่า “ยัง (yet)” คือหัวใจสำคัญที่สะท้อนความเชื่อว่า ความสามารถสามารถพัฒนาได้ ผ่านความพยายามและการเรียนรู้

ดังนั้น หัวใจสำคัญของ Growth Mindset คือ ความเชื่อที่ว่าทักษะและความสามารถ ไม่ได้ถูกกำหนดมาตายตัว แต่สามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา มันอนุญาตให้คุณใจเย็นกับตัวเอง ให้คุณ “แย่” กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ในขณะที่คุณก็รู้ตัวว่า “ฉันกำลังพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น”

ผมเจอบทความชิ้นหนึ่งจาก hrodthai ผู้เขียนได้อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

ความเข้าใจผิดความเข้าใจที่ถูก
❌ คนที่มี Growth Mindset ไม่จำเป็นว่าต้องเก่งทุกเรื่อง✔️ จริง! Growth Mindset ไม่ได้แปลว่าเก่งทันที แต่คือความเชื่อว่าทักษะต่างๆ สามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้
❌ คนที่มี Growth Mindset สามารถทำอะไรก็ได้✔️ ไม่จริงทั้งหมด การมี Growth Mindset ไม่ได้การันตีผลลัพธ์ทันที แต่ช่วยให้เรากล้าทดลอง พัฒนา และอดทนแม้เจอกับความล้มเหลว
❌ Growth Mindset = การคิดบวก✔️ สองสิ่งนี้ต่างกัน การคิดบวกคือการมองโลกในแง่ดี แต่ Growth Mindset คือการยอมรับความยาก และมองความล้มเหลวเป็น “โอกาสในการเรียนรู้”
❌ Growth Mindset ช่วยให้ได้ผลลัพธ์เสมอ✔️ ไม่เสมอไป แต่ช่วยให้เรามีความยืดหยุ่น (resilience) และเรียนรู้จากความล้มเหลวได้ดีกว่าเดิม

Growth Mindset สามารถใช้เป็น “สะพาน” เชื่อมสู่กรอบแนวคิด SEL ของ CASEL (Collaborative for Academic, Social, and Emotional Learning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • Self-Awareness → เราเรียนรู้ที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง และมองว่าทุกอย่าง “ยังพัฒนาได้
  • Self-Management → ฝึกควบคุมความรู้สึกผิดหวัง/ท้อแท้ แล้วเลือกจะพัฒนาแทนที่จะยอมแพ้
  • Social Awareness → เข้าใจว่าแต่ละคนมีเส้นทางพัฒนาไม่เหมือนกัน จึงไม่เปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นอย่างบั่นทอนกำลังใจ
  • Relationship Skills → การเปิดรับคำติ และขอความช่วยเหลือ เป็นพฤติกรรมของคนที่มี Growth Mindset และมีทักษะการสื่อสารที่ดี
  • Responsible Decision-Making → คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่แค่ “คิดบวก” แต่กล้าตัดสินใจโดยมองผลกระทบในระยะยาว

งานวิจัยโดย Dweck, C. S. (2006): Mindset: The New Psychology of Success  แห่ง Stanford University ระบุว่า นักเรียนและพนักงานที่ได้รับการส่งเสริม Growth Mindset มีแนวโน้มที่จะไม่กลัวความล้มเหลว มีความพยายามต่อเนื่อง รับคำวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ และมีพัฒนาการทางการเรียนรู้ที่ยั่งยืน มากกว่าผู้ที่ยึดถือ Fixed Mindset


ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Positive Thinking (การคิดบวก) กับ Growth Mindset (กรอบความคิดที่เติบโตได้)

ประเด็นเปรียบเทียบ😊 Positive Thinking (การคิดบวก)🌱 Growth Mindset (กรอบความคิดที่เติบโต)
มุมมองต่อความท้าทาย (Challenges)มีความเชื่อและความคาดหวังว่าจะเกิดสิ่งที่ดี
{Everything happens for a reason}
มองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนา
{Embrace them as opportunities}
การรับมืออารมณ์ลบ/ความเจ็บปวด (Pain)มองว่าเป็นสิ่งไม่ดี และไม่ควรจมอยู่กับมัน
{Suppress or ignore them}
ยอมรับและวิเคราะห์ข้อความที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอารมณ์นั้น
{Acknowledge and process them}
มุมมองต่อความล้มเหลว (Setbacks/Failure)“ผิดเป็นครู.. ล้มบ้างไม่เป็นไร” (เน้นการปลอบใจตนเอง)
{It’s a blessing in disguise}
ถามตัวเองว่า “ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้าง? และจะพัฒนามันได้อย่างไร?
{Integral part of progress}
วิธีแก้ปัญหา (Dealing with problems)ทุกปัญหามีทางออก
{Focus on what is good}
ค้นหาสาเหตุและวิธีแก้ไข
{Ask why and how to improve}
ผลลัพธ์ (Outcome)ช่วยลดแรงต้านทางอารมณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ดี ไม่จมกับอารมณ์เชิงลบนานยืดหยุ่นและปรับตัวระยะยาวได้ดี ฟื้นตัวจากความล้มเหลว ได้อย่างรวดเร็ว {Resilience}
ประโยคสำคัญ“เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง..”“ฉัน{ยัง}ทำสิ่งนี้ไม่เก่ง..”

บางครั้งการคิดบวก ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการเพื่อฮีลใจ (ทันทีทันใด) เพื่อก้าวไปต่อไป แต่บางครั้ง การเติบโตก็ต้องการให้เรานั่งอยู่กับความไม่สบายใจและเผชิญหน้ากับความจริงที่ยากลำบาก

บางครั้ง เราอาจต้องใช้ “Positive Thinking (การคิดบวก)” เพื่อลดแรงต้านทางอารมณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ทันทีทันใด ณ ขณะนั้น — แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้ เติบโต และเปลี่ยนแปลง การใช้ “Growth Mindset (กรอบความคิดเติบโต)” อาจเป็นคีย์สำคัญที่ต้องหยิบมาใช้เพื่อเสริมพลังภายใน

บทสรุป

  • การคิดบวก = ช่วยให้เราเกิดความสบายใจได้ทันที
  • Growth Mindset = ช่วยให้เรามองภาพการเติบโตในระยะยาว
  • SEL = ช่วยให้เราเรียนรู้ทั้งจากอารมณ์ ความล้มเหลว และการตัดสินใจ


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.linkedin.com/pulse/positive-mindset-vs-growth-two-paths-transformation-lloyd-rogers-m5mwe
https://www.hrodthai.com/single-post/positive-thinking-and-growth-mindset
พิทักษ์ สุพรรโณภาพ (Pitak Supannopaph) 2561. การคิดเชิงบวก : ตัวแปรในการพัฒนาชีวิต* Positive Thinking – ThaiJO  https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/download/158967/115020/

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

Share to

Related Posts

บทความล่าสุด

จะเป็นคนคิดบวกมากแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่ Growth Mindset

บางครั้งการคิดบวก ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการเพื่อฮีลใจ (เพื่อก้าวไปต่อไป) แต่บางครั้ง การเติบโตก็ต้องการให้เรานั่งอยู่กับความไม่สบายใจบ้าง

ที่ยังรู้สึกว่าชีวิตไม่มีเป้าหมาย อาจเป็นเพราะไม่เคยตั้งคำถาม..

เป้าหมายชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ต้องบังคับตัวเอง “ให้ต้องหาให้เจอ” แต่อาจคือสิ่งที่เราต้องค่อย ๆ “ตั้งคำถาม” แล้วคุยกับตัวเอง

วิชาขอบคุณตัวเอง

“วิชาขอบคุณตัวเอง” อาจไม่มีอยู่ในโรงเรียน แต่มันเริ่มต้นได้ที่ใจเรา โดยเฉพาะจากวิธีที่เราพูดเบา ๆ กับตัวเอง เช่น “ขอบคุณนะ ที่ฉันยังไม่ยอมแพ้”