✦ Key Takeaways
1) Abraham-Hicks: Emotional Guidance Scale (หรือ มาตราส่วนสำหรับวัดระดับอารมณ์) แนวคิดหลักของเครื่องมือตัวนี้คือ การคอยวัดระดับ “อารมณ์” ของตัวเราว่าอยู่ในโซนไหน
2) แบบจำลองนี้อธิบายความเชื่อมโยงของอารมณ์ในระดับต่างๆ และตัวเราจะสามารถเลื่อนขั้นจากอารมณ์เชิงลบไปสู่อารมณ์เชิงบวกได้อย่างไร?
3) มี 3 ขั้นตอนง่ายในการปรับระดับอารมณ์ คือ ระบุชื่ออารมณ์ → ยอมรับอารมณ์ → ยกระดับอารมณ์
หากคุณพบว่าตัวเองมักมีความเครียดเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือตื่นเช้าขึ้นมาก็มีแต่ความกังวลใจ หรือมักหงุดหงิดรำคาญใจไปหมดกับสิ่งรอบตัว ผมอยากบอกคุณผู้อ่านว่า.. คุณไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเพียงลำพังครับ! ผมยอมรับว่าตัวเองมีความกังวลใจกับภาระงานคั่งค้างอยู่บ่อยๆ และก็เชื่อว่าหลายคนก็คงกำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป
ผมคิดว่ามันคงจะดีเหมือนกันหากในช่วงเวลาที่ชีวิตมีหลายเรื่องราวถาโถมเข้ามา และเรามีเครื่องมือหรือเทคนิคที่สามารถช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ และบริหารจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น
Abraham-Hicks: Emotional Guidance Scale คืออะไร
Abraham-Hicks: Emotional Guidance Scale (หรือ มาตราส่วนสำหรับวัดระดับอารมณ์) เครื่องนี้ตัวนี้ถูกกล่าวถึงในหนังสือ Ask and it is Given ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Esther และ Jerry Hicks โดยแนวคิดหลักของเครื่องมือตัวนี้คือ การคอยวัดระดับ “อารมณ์” ของตัวเราว่าอยู่ในโซนไหน แบบจำลองนี้อธิบายความเชื่อมโยงของอารมณ์ในระดับต่างๆ และตัวเราจะสามารถเลื่อนขั้นจากอารมณ์เชิงลบไปสู่อารมณ์เชิงบวกได้อย่างไร?
ซึ่งระดับอารมณ์และความรู้สึกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ Top of the Scale (ระดับอารมณ์และความรู้สึกเชิงบวก ซึ่งอยู่โซนด้านบน) และBottom of the Scale (ระดับอารมณ์และความรู้สึกเชิงลบ ซึ่งอยู่โซนด้านล่าง)
Top of the Scale (ระดับอารมณ์และความรู้สึกเชิงบวก)
- Joy/Empowerment/Freedom/Love/Appreciation ความปีติยินดี/ ความเปี่ยมพลัง/ ความรู้สึกอิสระ/ ความรัก/ ความชื่นชมซาบซึ้ง
- Passion ความหลงใหล
- Enthusiasm/Eagerness/Happiness ความกระตือรือร้น/ ความสุข
- Positive Expectation/Belief ความคาดหวังเชิงบวก/ ความเชื่อ
- Optimism การมองโลกในแง่ดี
- Hopefulness การมีความหวัง
- Contentment ความพึงพอใจ
Bottom of the Scale (ระดับอารมณ์และความรู้สึกเชิงลบ)
- Boredom ความเบื่อหน่าย
- Pessimism การมองโลกในแง่ร้าย
- Frustration/Irritation/Impatience ความหงุดหงิดขัดข้องใจ / ความขุ่นเคืองใจ/ความไม่อดทน
- Overwhelmingness ความรู้สึกท่วมท้น
- Disappointment ความรู้สึกผิดหวัง
- Doubt ความระแวงสงสัย
- Worry ความกังวล
- Blame การตำหนิ ติเตียน กล่าวโทษ
- Discouragement ความรู้สึกท้อแท้จิตใจ
- Anger ความรู้สึกโกรธ
- Revenge ความรู้สึกเคียดแค้น
- Hatred/Rage ความเกลียดชัง เป็นศัตรู / ความโมโหไม่พอใจอย่างรุนแรง
- Jealousy ความอิจฉาริษยา
- Insecurity/Guilt/Unworthiness ความรู้สึกไม่มั่นคง / ความรู้สึกผิด / ความไม่คู่ควร
- Fear/Grief/Depression/Despair/Powerlessness ความกลัว / ความเศร้าโศก / ความซึมเศร้า / ความหมดอาลัยตายอยาก / ความสิ้นหวังหมดพลัง
ซึ่งแนวคิดสำคัญ หรือ Key Concepts ของเครื่องนี้คือ
1) อารมณ์เป็นสิ่งนำทาง: อารมณ์ของคุณเป็นเหมือนเข็มทิศภายใน มันให้ข้อมูลย้อนกลับมาที่คุณว่าตอนนี้สภาวะภายในของคุณเป็นอย่างไร? อารมณ์ทางบวกบ่งบอกถึงความสอดคล้อง ในขณะที่อารมณ์ทางลบแสดงถึงความไม่สอดคล้อง
2) พลังของการเลือก: คุณอาจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เสมอ แต่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะตอบสนองทางอารมณ์อย่างไร Emotional Guidance Scale เน้นย้ำถึงความสามารถในการเลือกของคุณ ที่จะเปลี่ยนหรือเคลื่อนไปสู่อารมณ์ที่มีความถี่ที่สูงขึ้น
3) ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี: ความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ “ความสุขเป็นสิ่งชั่วคราว” แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่เราจะต้องรักษาสภาวะอารมณ์เชิงบวกต่างๆ ไว้ เช่น ความพอใจ ความมีความหวัง หรือความกระตือรือร้น สภาวะอารมณ์ที่มีความถี่สูงเหล่านี้ส่งเสริมสุขภาพจิตโดยรวมที่ดีขึ้น
Emotional Guidance Scale เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social-Emotional Learning) อย่างไร?
การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning; SEL) คือ กระบวนการในการได้รับความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่จำเป็นในการตระหนักรู้และจัดการกับอารมณ์ของตนเอง วางเป้าหมายและบรรลุเป้าหมายเชิงบวก รับรู้และแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น สร้างและรักษาความสัมพันธ์เชิงบวก และตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งทั้ง Emotional Guidance Scale และ Social-Emotional Learning มีความเชื่อมโยงกันดังนี้
- Self-Awareness (การตระหนักรู้ตนเอง): เครื่องมือไต่ระดับปรับอารมณ์นี้ช่วยให้คุณรับรู้และตระหนักรู้อารมณ์ในตนเองมากขึ้น ช่วยให้คุณรู้สึกมีอำนาจภายในที่จะเลือกเปลี่ยนและยกระดับตนเองไปสู่อารมณ์ที่มีความถี่ที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณพบว่าตัวเองรู้สึกหวาดระแวง หรือไม่มั่นคง (อารมณ์ที่มีความถี่ต่ำ) คุณสามารถใช้ Emotional Guidance Scale นี้ในการระบุอารมณ์ความรู้สึกตนเอง และปรับเปลี่ยนไปสู่สภาวะทางอารมณ์ที่สูงขึ้น เช่น ความหวังหรือความพึงพอใจ
- Self-Management (การบริหารจัดการตนเอง): การบริหารจัดการตนเอง คือความสามารถในการควบคุมและจัดการกับอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตนเอง ซึ่ง Emotional Guidance Scale จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากอารมณ์ที่ความถี่ต่ำไปสู่อารมณ์เชิงบวกมากขึ้นผ่านแนวทางปฏิบัติหรือเทคนิคเฉพาะ ตัวอย่างเช่น หากพบว่าตัวเองอยู่ในสภาวะความโกรธหรือความคับข้องใจ มาตราส่วนอาจเสนอให้ปฏิบัติ เช่น การหายใจลึกๆ เขียนบันทึก หรือการออกกำลังกาย เพื่อช่วยปลดปล่อยอารมณ์เชิงลบเหล่านั้นและเคลื่อนไปสู่สภาวะทางบวกมากขึ้น
- Relationship-Building (การสร้างสัมพันธภาพ): การตระหนักรู้ตนเองช่วยให้คุณเข้าใจอารมณ์ของตนเองดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ดีขึ้น แก้ไขข้อขัดแย้ง และส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพเชิงบวกทางสังคม การสื่อสาร และบรรยากาศในการทำงานหรือที่บ้าน
Emotional Guidance Scale ทำงานอย่างไร?
วิธีทำงานของEmotional Guidance Scale (หรือ มาตราส่วนสำหรับวัดระดับอารมณ์) คือ อารมณ์ของคุณเปรียบเสมือนเข็มทิศภายใน มันให้ข้อมูลย้อนกลับมาที่คุณว่าตอนนี้สภาวะอารมณ์ความรู้สึกของคุณเป็นอย่างไร? อารมณ์ทางบวกบ่งชี้ว่าคุณกำลังอยู่กระแสของชีวิตที่คุณพึงพอใจ ในทางตรงกันข้ามอารมณ์ทางลบบ่งชี้ถึงความไม่สอดคล้อง เป็นสัญญาณเตือนให้คุณเปลี่ยนแปลงความคิดและความเชื่อของตนเอง ซึ่งมี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ระบุชื่ออารมณ์
บางครั้งที่เรารู้สึกอัดแน่นจุกในอกหรือพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นเพราะสมองของเรากำลังเผชิญความยากลำบากในการประมวลผลสิ่งที่เรารู้สึก ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกสับสนว่าจะไปต่ออย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าดี? แทนที่จะปิดกั้นอารมณ์ของคุณ คุณควรหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมสติ และถามตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้” ซึ่งคำตอบอาจจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น:
- “ฉันรู้สึกริษยาเพื่อนร่วมงานของฉัน เพราะเขาได้รับการขึ้นเงินเดือน ทั้งๆ ที่เขาไม่มีผลงานอะไรที่โดดเด่นเลย” (ความริษยา)
- “ฉันรู้สึกเศร้าที่เพื่อนสนิทกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ฉันกังวลว่าเราอาจห่างเหินกันและสูญเสียมิตรภาพ” (ความวิตกกังวล)
- “ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เพราะเธอคนเดียวกลับทำมันพังทลาย” (ความรู้สึกโกรธแค้น)
สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอย่างไร คุณไม่ผิดที่จะมีอารมณ์ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่มีอารมณ์ใด “ที่ผิด” เพราะอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานี้ “มันจริง” กับตัวคุณในขณะนั้นๆ (There are no bad emotions. Your feelings are valid.)
2. ยอมรับอารมณ์
ขั้นตอนนี้คือ “การยอมรับและหยุดความคิดที่ไม่ให้ประโยชน์หรือให้คุณค่า” คุณไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง “ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกอย่างนั้น” ในทางตรงกันข้าม คุณควรรู้สึกขอบคุณตัวเองที่สามารถระบุชื่อและแยกแยะอารมณ์ของตนเองได้ ดังนั้น เมื่อคุณระบุชื่ออารมณ์ได้แล้ว ก็แค่ยอมรับว่าตนเองมีอารมณ์นั้นๆ เกิดขึ้น
3. ยกระดับอารมณ์
ขั้นตอนสุดท้ายคือการยกระดับอารมณ์ หลังจากยอมรับและแช่อยู่กับอารมณ์นั้นๆ มาระยะหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่ต้องไปต่อ… วิธีหนึ่งที่ดีคือ การตั้งคำถามกับตนเอง [อ่านเรื่องราวของการตั้งคำถามทรงพลัง ที่นี่…] ตัวอย่างคำถามเช่น ฉันทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง? ถ้าทำได้.. ฉันจะทำอะไร? / ถ้าทำไม่ได้.. ฉันจะแก้ไขวิธีการตอบสนองของฉันอย่างไร? เป็นต้น
บทสรุป —อารมณ์ทางบวกนำไปสู่จิตใจเชิงบวก และด้วยจิตใจเชิงบวก มันจะง่ายขึ้นในการเข้าถึงคลื่นความถี่แห่งความสุข ความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งรวมไปถึงการตัดสินใจ และการแสดงออกของพฤติกรรมทางบวกด้วย ดังนั้น รูปแบบของความสุขจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับการเลือกมุมมองของตัวคุณ
References:
https://dailydish.co.uk/abraham-hicks-emotional-guidance-scale-with-pdf/
https://blissfulroad.com/emotional-scale/
https://gabbybernstein.com/emotional-guidance-scale-abraham-hicks/
https://www.soundtravels.co.uk/a-How_Sound_Affects_us_Physically,_Mentally,_Emotionally_and_Spiritually-541.aspx
https://lifeiloveit.com/how-to-feel-good-or-feel-better-to-get-a-good-life-experience-or-get-a-better-life-experience/