คุณเคยสงสัยไหมครับว่า… ทำไมบางคนถึงมีแต่คนเต็มใจทำตามหรือรับฟัง ในขณะที่บางคนต้องดิ้นรนเพื่อให้คนยอมทำตามหรือยอมรับฟัง? คำตอบอยู่ที่ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวเลยครับ นั่นคือ “คาริสม่า (Charisma)” หรือลักษณะทางธรรมชาติบางอย่างที่ดึงดูดใจผู้คน
เพราะ “ความสามารถในการชนะใจคน ไม่ใช่ใช้แค่สมอง” —แต่คือลักษณะและคุณสมบัติหลายด้านของบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น การสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย การปฏิบัติที่จริงใจและตรงไปตรงมา รวมถึงการมีทักษะทางอารมณ์และสังคม บทความนี้ #เพจSELminder อยากชวนคุยถึงความแตกต่างของ Boss (เจ้านาย) กับ Leader (ผู้นำ) คุณเป็นแบบไหนและจะชนะใจคนอื่นได้อย่างไร?
เจ้านายกับผู้นำแตกต่างกันอย่างไร?
ผมอยากให้ลองนึกภาพเรือลำหนึ่ง เจ้านายเปรียบเสมือนกัปตันผู้ควบคุมหางเสือเรือ เขาคอยตะโกนสั่งการ เรียกร้องให้ลูกเรือพายแรงขึ้น ผลักดันให้เร็วขึ้น (โดยอาจไม่สนว่าลูกเรือจะเหนื่อยแค่ไหน) ในทางตรงกันข้าม ผู้นำคือ กัปตันผู้พับแขนเสื้อที่ลงเรือพร้อมกับลูกเรือ และเริ่มพายไปด้วยกัน ให้กำลังใจ สนับสนุน และสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นพายไปด้วยกัน โดยเชื่อมั่นอย่างสุดใจเลยว่า “พลังของทีม” จะพาพวกเขาฝ่าคลื่นลมที่รุนแรงไปได้
5 ความแตกต่างระหว่าง Boss (เจ้านาย) กับ Leader (ผู้นำ)
Boss (เจ้านาย) | จุดแตกต่าง | Leader (ผู้นำ) |
ใช้อำนาจในการควบคุมและสั่งการ | อำนาจ vs. อิทธิพล | สร้างความเคารพ และอิทธิพลผ่านความไว้วางใจและการร่วมมือกัน |
ให้ความสำคัญกับการทำงานให้เสร็จ อาจมองข้ามความอยู่ดีมีสุขของคนทำงาน | มุ่งเน้นงาน vs. มุ่งเน้นคน | สร้างสมดุลระหว่างการบรรลุเป้าหมาย กับการสนับสนุนความต้องการทางอารมณ์และสังคม |
เน้นสั่งการในสิ่งต้องทำ โดยอาจไม่ได้เปิดรับความคิดเห็น | สั่งการ vs. สอนงาน | ให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยให้ทีมเติบโตทั้งทางอารมณ์และเส้นทางอาชีพ |
พยายามควบคุมทุกการตัดสินใจและผลลัพธ์ | ควบคุม vs. ร่วมมือ | ส่งเสริมความร่วมมือ การเปิดใจคุย และการตัดสินใจร่วมกัน |
โยนความผิดเมื่อล้มเหลว หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ | กล่าวโทษ vs. รับผิดชอบ | รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนทีมผ่านความท้าทายต่างๆ |
หากเลือกเป็น Boss (เจ้านาย)?
พูดกันตามตรง —บางครั้งการเป็น “เจ้านาย” ดูเหมือนจะง่ายกว่า คุณแค่ออกคำสั่ง.. ให้คนอื่นทำตาม.. งานเสร็จตามสั่ง! แต่ผมชวนสังเกตตรงนี้ครับ “การทำตามคำสั่ง” ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าคนผู้นั่นจะทุ่มเทให้ พวกเขาอาจจะแค่ทำให้เสร็จตามสั่ง เพราะต้องทำไม่ใช่เพราะรู้สึกอยากทำ
การเป็นเจ้านายมากเกินไปอาจสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวหรือวัฒนธรรมที่ยอมตาม ซึ่งจะปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความกระตือรือร้นของคนภายในทีม แน่นอนคุณอาจพบว่าพวกเขาจะทำงานให้เสร็จ แต่คุณจะสังเกตได้ว่าพวกเขาจะไม่ทุ่มเทเกินหน้าที่ ทำไมนะหรือ..? เพราะพวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูก “ให้คุณค่า” ไงครับ! เขาก็เลยไม่รับรู้ว่าตัวเองมีค่า (เมื่อทำงานกับเจ้านายคนนี้)
ลองนึกภาพต้นไม้สักต้น เจ้านายอาจจะรดน้ำแค่พอให้มันมีชีวิตรอด แน่นอนต้นไม้มันรอดแต่มันจะอ่อนแอไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ในทางกลับกันผู้นำจะไม่ได้แค่รถน้ำ แต่เขาจะพรวนดิน บำรุงเลี้ยงดู และจัดหาพื้นที่ให้มันเติบโต
หากเลือกเป็น Leader (ผู้นำ)?
ทีนี้มาดูอีกด้านหนึ่งกัน ผู้นำจะไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลลัพธ์ —แต่มุ่งเน้นสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้คนด้วย *ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจเป้าหมายหรือละเลยการวางแผนกลยุทธ์นะครับ แต่พวกเขาพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนรู้สึกปลอดภัย มีคุณค่า และได้รับแรงบันดาลใจ เพื่อให้คนผู้นั้นทำงานได้อย่างดีมีประสิทธิภาพที่สุด
ทักษะทางอารมณ์และสังคมช่วยผู้นำได้อย่างไร?
#การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL) สามารถแยกย่อยออกเป็น 2 ทักษะสำคัญ ได้แก่
- ทักษะทางอารมณ์ (Emotional) คือ ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์-ความคิดตนเอง (Self-awareness) ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของตนเอง (Self-management) และความสามารถในการรับผิดชอบในสิ่งตนเองได้ตัดสินใจ (Responsible decision-making)
- ทักษะทางสังคม (Social) หมายถึง ความสามารถในการรับรู้และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Social awareness) ความสามารถในการสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์ทั้งทางคำพูดและไม่ใช่คำพูด (Relationship Skills)
5 สมรรถนะสำคัญที่จำเป็นต่อ Leader (ผู้นำ)
(1) การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness)
ผู้นำที่ฝึกฝน SEL พัฒนาการตระหนักรู้ในตนเอง เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตน จะช่วยให้พวกเขาจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ท้าทาย — Boss (เจ้านาย) อาจตอบสนองต่อความเครียดหรือแรงกดดันด้วยความหุนหันพลันแล่น ในขณะที่ Leader (ผู้นำ) จะหยุดไตร่ตรอง สังเกตอารมณ์ และตอบสนองอย่างรอบคอบ
(2) การจัดการตนเอง (Self-management)
คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการกระทำของตนเองได้ — Boss (เจ้านาย) อาจชอบควบคุมให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามแผน แต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจอาจโมโห เหวี่ยง วีน ได้ง่าย ในขณะที่ Leader (ผู้นำ) จะเริ่มต้นที่การจัดการตนเองเพื่อรักษาความสงบและความมั่นคงในจิตใจตนเองก่อน และจะเน้นให้คำปรึกษา คำแนะนำ และไว้วางใจให้ทีมแก้ปัญหาด้วยตนเอง นี่เป็นกุญแจสำคัญป้องกันการบริหารงานสไตล์ควบคุมจุกจิก (Micromanagement)
(3) การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness)
Leader (ผู้นำ) ส่วนใหญ่จะมีทักษะการตระหนักรู้ทางสังคมสูง —พวกเขามีความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจความต้องการทางอารมณ์ของสมาชิกในทีม ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีคุณค่า ซึ่ง SEL ส่งเสริมให้ผู้นำรับรู้และตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้อื่น
(4) ทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship skills)
การสร้างความสัมพันธ์เป็นหัวใจสำคัญของความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ตาม SEL ทักษะด้านความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งประกอบด้วยการฟังอย่างตั้งใจ การสื่อสารที่ชัดเจน และความสามารถในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ —Leader (ผู้นำ) สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งโดยให้คำแนะนำและการสนับสนุน ในขณะที่เจ้านายอาจบ่อนทำลายความไว้วางใจด้วยการมุ่งเน้นเฉพาะคำสั่งและงาน
(5) การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making)
สมรรถนะสุดท้ายใน SEL คือการตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจอย่างมีจริยธรรมและรอบคอบโดยคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่น — Boss (เจ้านาย) อาจให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ระยะสั้นโดยแลกกับขวัญกำลังใจของทีม ในขณะที่ผู้นำพิจารณาผลกระทบระยะยาวของการตัดสินใจที่มีต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงานและความอยู่ดีมีสุขของทีมงาน
8 เทคนิคเปลี่ยนจาก Boss (เจ้านาย) เป็น Leader (ผู้นำ)
คุณจะกลายเป็นคนที่ชนะใจผู้อื่น และเป็นผู้นำที่มีทักษะทางอารมณ์และสังคมได้อย่างไร ต่อไปนี้คือ 8 เทคนิค ที่จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
(1) ฟังมากกว่าพูด (Listen More Than You Speak)
ผู้นำที่ดีคือผู้ฟังที่ดี พวกเขาใช้เวลาในการรับฟังความกังวล ความคิด และข้อเสนอแนะของทีม ครั้งต่อไปที่คุณอยู่ในที่ประชุม ให้เน้นที่การฟังและสังเกตว่าทีมของคุณรู้สึกเชื่อมโยงและเห็นคุณค่ามากขึ้นเพียงใด
(2) แสดงความเห็นอกเห็นใจ (Show Empathy)
การเข้าใจความรู้สึกและความท้าทายของผู้อื่นช่วยสร้างความไว้วางใจ หากทีมงานกำลังเผชิญกับวันที่แย่.. ผู้นำจะไม่รอช้าที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจ การกระทำอันแสนดีเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างความภักดีและความเคารพได้ในระยะยาว
(3) ให้เครดิต (Give Team Credit)
ผู้นำเฉลิมฉลองความสำเร็จร่วมกับทีม อย่ากลัวที่จะฉายแสงไปที่คนอื่น เมื่อทีมประสบความสำเร็จ ให้แสดงความยินดีอย่างจริงใจ การทำเช่นนี้จะสร้างขวัญกำลังใจและแสดงให้เห็นว่าคุณเห็นคุณค่าในความพยายามของพวกเขา
(4) ให้คำแนะนำ ไม่ใช่คำสั่ง (Provide Guidance, Not Orders)
แทนที่จะบอกคนอื่นว่าต้องทำอะไร จงช่วยให้พวกเขาเติบโต ให้คำแนะนำ แบ่งปันความรู้ และให้พวกเขามีอิสระในการเป็นเจ้าของงานของตนเอง คุณไม่ได้แค่จัดการพวกเขา แต่คุณกำลังช่วยให้พวกเขาพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมืออาชีพ
(5) เป็นตัวอย่าง (Lead by Example)
ผู้นำที่แท้จริงจะไม่ขอให้คนอื่น “ทำในสิ่งที่ตัวผู้นำไม่ทำด้วยตัวเอง” ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจนดึกดื่นเพื่อให้ทันกำหนดส่งมอบงานลูกค้า หรืออยากให้ทีมสื่อสารอย่างชัดเจน แต่ตัวผู้นำไม่เคยแม้แต่จะสื่อสารเป้าหมายหรือความคาดหวังเลย เมื่อทีมของคุณเห็นความมุ่งมั่นของคุณ พวกเขาก็จะทำตามอย่างเป็นธรรมชาติ
(6) มีความยืดหยุ่น (Resilient)
ผู้คนมักมองหาผู้นำที่นิ่งสงบภายใต้แรงกดดันและมองหาทางออก มากกว่าที่จะโทษคนอื่น โทษสถานการณ์ หรือมุ่งแต่จะหาคนผิด
(7) ผู้นำที่อ่อนน้อมถ่อมตน (Humble Leadership)
ความถ่อมตน ไม่ได้หมายถึงการโอนอ่อนผ่อนตาม ตามใจ หรือไร้อำนาจ แต่มักจะเป็นคนที่คอยมองเห็นหรือให้คุณค่ากับผู้อื่น โดยพยายามลดความสำคัญของตัวเองลง ทั้งในเชิงการแสดงออกทางกายและทางวาจา ความถ่อมตัวจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ในระดับมนุษย์ ทำให้คุณดูเป็นคนน่าเข้าหาและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
(8) มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน (Visionary)
ผู้นำที่ดีจะสามารถกำหนดอนาคตที่จูงใจให้ผู้คนมารวมตัวกันและทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ รวมทั้งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
บทสรุป —ในท้ายที่สุดแล้ว “ผู้คนไม่ได้ทำตามเจ้านาย แต่พวกเขาทำตามผู้นำ” เมื่อคุณใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ สนับสนุนทีม และเป็นผู้นำด้วยความเห็นอกเห็นใจ คุณกำลังสร้างวัฒนธรรมแห่งความภักดี ความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วม “ผู้คนจะไม่ได้แค่ทำงานเพื่อคุณเท่านั้น แต่พวกเขาจะทำงานร่วมไปกับคุณ” และนี่คือจุดแตกต่างระหว่าง Boss (เจ้านาย) กับ Leader (ผู้นำ)
Sources:
https://www.linkedin.com/pulse/boss-vs-leader-navigating-path-effective-leadership-wkvbf
https://www.charlestonsouthern.edu/blog/identifying-differences-between-a-boss-and-a-leader/