7 Coaching Questions : ฉบับบูรณาการกับทักษะทางอารมณ์และสังคม


รูปแบบชีวิตในปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายมากเลยที่เราจะรู้สึก Disconnected กับตัวตนข้างใน เราเร่งรีบทำงาน เราตัดสินใจแบบ Autopilot และแทบไม่ค่อยได้ใช้เวลาไตร่ตรองความคิด ความรู้สึก และการกระทำของตนเอง คำถามที่ผมสนใจคือ อะไรที่พอจะเป็นตัวช่วยดึงเรากลับมาสำรวจตนเองเพิ่มขึ้นได้

หนังสือ ‘The Coaching Habit’ ของคุณ Michael Bungay Stanier ที่ผมเลือกหยิบมาอ่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ให้มุมมองเกี่ยววิธีพัฒนาทักษะการถามคำถาม และการฝึกนิสัยของการ “พูดให้น้อยลงและถามให้มากขึ้น” ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของความเป็นผู้นำ แต่นอกเหนือไปจากความรู้ที่ได้รับ ผมกลับได้ไอเดียปิ๊งแว้บเป็นของแถม และตั้งคำถามกับตัวเองว่า “จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถต่อยอดคำถามโค้ชชิ่งไปสู่การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) และการบริหารจัดการตนเอง (Self-management) หรือแม้กระทั่งการพัฒนาทักษะความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Relationship skills)?” ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการ #การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning; SEL) ที่ทางเพจของเราพยายามส่งเสริมให้เกิดขึ้น


การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning) หรือตัวย่อสั้นๆ คือ  SEL เป็นกระบวนการเรียนรู้ (process) เพื่อพัฒนาทักษะ (skills) —ที่บุคคลพัฒนาทักษะในการทำความเข้าใจและจัดการอารมณ์ตนเอง ตั้งและบรรลุเป้าหมายเชิงบวก รู้สึกและแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สร้างและรักษาความสัมพันธ์เชิงบวก และตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่ง SEL แบ่งออกเป็น 5 ความสามารถหลัก:

1. การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness)

2. การจัดการตนเอง (Self-management)

3. การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness)

4. ทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship skills)

5. การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making)

ในบทความนี้เราลองดูกันว่า หากเรา 5 องค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning) มาบูรณาการเข้ากับคำถามทั้งเจ็ด 7 Coaching Questions จะเป็นอย่างไรได้บ้าง?


7 คำถามการโค้ชของผู้นำเพื่อพัฒนาศักยภาพทีมงาน (7 Coaching Questions) ของคุณ Michael Bungay Stanier ได้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการคิดอย่างลึกซึ้ง (Deep thinking) การไตร่ตรองสะท้อนคิด (Reflection) และการสนทนาที่มีความหมาย (Meaningful conversations) ผมจะชวนทุกท่านมาสำรวจคำถามทั้ง 7 โดยละเอียด และดูว่าเราจะสามารถนำหลักการ SEL ไปใช้เพื่อเพิ่มทักษะทางอารมณ์และสังคมให้เกิดอิมแพ็คสูงสุดได้อย่างไร


1. The Kickstart Question: “What’s on your mind?”

วัตถุประสงค์: คำถามนี้ใช้เปิดการสนทนา และชวนคนตรงหน้ากลับมาไตร่ตรองภายในตนเอง ถึงสิ่งที่ตัวเขาให้ความสำคัญที่สุดในขณะนี้

การบูรณาการกับ SEL: คำถามนี้สอดคล้องกับหลักการของ SEL ในเรื่องการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) ด้วยการถามว่า “คุณกำลังคิดอะไรอยู่” ผู้ถามกำลังสนับสนุนให้ผู้ถูกถามได้แสดงความคิดและความรู้สึกของตนเอง และยังส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและไว้วางใจด้วย

STEP 1: ถามคำถามด้วยท่าทีที่สงบและไม่ตัดสิน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าภาษากายของคุณบ่งบอกว่าคุณพร้อมจะรับฟัง

STEP 2: อนุญาตให้ผู้ถูกถามพูดได้อย่างอิสระโดยไม่หยุดชะงัก นี่เป็นการแสดงความเคารพและยืนยันการรับรู้ความรู้สึกของเขา

STEP 3: สะท้อนสิ่งที่คุณได้ยินเพื่อแสดงความเข้าใจและเคลียร์ความคลุมเครือ


2. The AWE Question: “And what else?”

จุดประสงค์: คำถามนี้กระตุ้นให้ผู้ถูกถามเจาะลึกและสำรวจความคิดและความรู้สึกเพิ่มเติม ต่อจากคำถามข้อเริ่มต้น

การบูรณาการกับ SEL: คำถาม AWE ส่งเสริมในเรื่องการจัดการตนเอง (Self-management) และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยส่งเสริมให้บุคคลเจาะลึกความคิดของตนและสำรวจมิติต่างๆ ของปัญหา

STEP 1: หลังจากที่ผู้ถูกถามตอบคำถามข้อแรกเสร็จแล้ว ให้ถามว่า “แล้วมีอะไรอีกบ้าง”

STEP 2: อดทนและให้เวลาพวกเขาคิด บ่อยครั้ง ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญที่สุดเกิดขึ้นหลังจากการได้ทบทวนคำตอบครั้งแรก

STEP 3: ทำซ้ำตามที่จำเป็นเพื่อสำรวจหัวข้อทั้งหมด แต่หลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไปเพื่อป้องกันความคับข้องใจ

NOTED:

  • การศึกษาพบว่า “การตัดสินใจจากตัวเลือกเพียง 0-1 มีอัตราความล้มเหลวมากกว่า 50% แต่การมีตัวเลือกมากกว่าหนึ่งตัวเลือก สามารถลดอัตราความล้มเหลวลงเกือบครึ่งหนึ่งเหลือประมาณ 30% ดังนั้น เมื่อคุณถามว่า “แล้วมีอะไร?” คุณช่วยอีกฝ่ายสร้างทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้น
  • ในขณะเดียวกันการมีตัวเลือกที่มากเกินไป ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายเช่นกัน ดังนั้น การมีตัวเลือก 3-4 ตัวเลือก ดูจะเป็นตัวเลขในอุดมคติที่สมองของเราจะประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่า


3. The Focus Question: “What’s the real challenge here for you?”

วัตถุประสงค์: คำถามเพื่อการโฟกัสข้อนี้มีจุดมุ่งเน้นไปที่การค้นหาปัญหาที่แท้จริง (ซึ่งมันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ปัญหาแรกก็ได้) ประโยชน์ในการใช้คำถามนี้ช่วยนำพาผู้ถูกถามกลับมาสู่การค้นลึกภายในตนเอง

การบูรณาการกับ SEL: คำถามข้อนี้ช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) และทักษะการแก้ปัญหา ช่วยกระตุ้นให้ผู้ถูกถามฝึกฝนการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง และทำความเข้าใจความซับซ้อน ความท้าทายของพวกเขา

STEP 1: เมื่อผู้ฝึกสอนสรุปความคิดแล้ว ให้ถามว่า “ความท้าทายที่แท้จริงสำหรับคุณคืออะไร?”

STEP 2: ตั้งใจฟังและสังเกตภาษากายเพื่อดูสัญญาณของความลังเลหรือไม่สบายใจ

STEP 3: กระตุ้นให้พวกเขาพูดถึงความท้าทายหลักของตน โดยช่วยให้พวกเขามองจากมุมมองที่ต่างกัน

NOTED:

  • การให้คำแนะนำ หรือการไกด์ไลน์คำตอบเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพื่อกระตุ้นไอเดียเป็นสิ่งที่สามารถทำ
  • การนำคำถามที่สอง “The AWE Question” มาเสริมคำถามข้อนี้ จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น

ตัวอย่างเช่น
ถาม: คุณกำลังคิดอะไรอยู่?
ตอบ: 💭
ถาม: มีอะไรในใจของคุณอีกไหม?
ตอบ: 💭
ถาม: อะไรคือความท้าทายที่แท้จริงสำหรับตัวคุณ?
ตอบ: 💭
ถาม: แล้วมีอะไรอื่นอีกไหมที่เป็นความท้าทายที่แท้จริงสำหรับคุณ?
ตอบ: 💭
ถาม: มีอะไรอีกไหม?”
ตอบ: 💭


4. The Foundation Question: “What do you want?”

วัตถุประสงค์: คำถามพื้นฐานข้อนี้ช่วยให้ผู้ถูกถามกระจ่างชัดเกี่ยวกับเป้าหมายและความปรารถนาของตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าความพยายามของพวกเขาสอดคล้องกับสิ่งที่เขาต้องการ

การบูรณาการกับ SEL: คำถามพื้นฐานส่งเสริมการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) และการตั้งเป้าหมาย กระตุ้นให้บุคคลคิดถึงความปรารถนา ความต้องการ และแรงจูงใจที่แท้จริงของตนเองซึ่งจำเป็นต่อการเติบโตทั้งด้านส่วนตัวและด้านอาชีพ

STEP 1: หลังจากหารือเกี่ยวกับความท้าทายแล้ว ให้ถามว่า “คุณต้องการอะไร”

STEP 2: กระตุ้นให้ผู้ถูกถามฝึกฝนการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน คำตอบที่คลุมเครืออาจทำให้เกิดความสับสนและไม่ทำตาม

STEP 3: ช่วยทบทวนยืนยันความปรารถนาของเขา และชวนอภิปรายว่าพวกเขาจะบรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร

NOTED:

  • อ้างอิงจาก Manfred Max-Neef’s Fundamental human universal needs (หรือ ความต้องการที่เป็นสากล) ซึ่งมีทั้งหมด 9 ประการคือ การดำรงอยู่ การป้องกัน เสน่หา ความเข้าใจ การมีส่วนร่วม เวลาว่าง สร้างสรรค์ มีตัวตน และเสรีภาพ
  • ครั้งต่อไปเมื่อคุณถามใครสักคนว่า “คุณต้องการอะไร” ฟังให้ชัดเพื่อดูว่าคุณสามารถจับคู่คำตอบกับความต้องการสากลทั้ง 9 ประการได้หรือไม่


5. The Lazy Question: “How can I help?”

วัตถุประสงค์: คำถามข้อนี้เปลี่ยนจุดโฟกัสจากตัวผู้ถามไปสู่ผู้ถูกถาม กระตุ้นให้พวกเขาเป็นเจ้าของวิธีแก้ปัญหาของตนเอง

การบูรณาการกับ SEL: คำถามข้อนี้ช่วยเพิ่มทักษะด้านความสัมพันธ์ (Relationship skills) และการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making) เป็นการแสดงการยอมรับว่าผู้ถูกถามคือผู้ที่มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง

STEP 1: ถามว่า “ฉันช่วยอย่างไรได้บ้าง” หลังจากที่ผู้ถูกถามระบุเป้าหมายแล้ว

STEP 2: ฟังคำตอบของพวกเขาและพิจารณาว่าคุณจะสามารถให้การสนับสนุนที่จำเป็นโดยไม่ต้องรับช่วงต่อได้อย่างไร เช่น ฉันอาจช่วยตามที่คุณขอไม่ได้… แต่ฉันช่วย… [ใส่ข้อเสนอแนะของคุณ] …ได้” ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางที่ดี

STEP 3: สนับสนุนการตัดสินใจที่มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและเป็นการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ


6. The Strategic Question: “If you’re saying yes to this, what are you saying no to?”

วัตถุประสงค์: คำถามเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบและการจัดการตนเอง ช่วยให้บุคคลเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับการเลือกของตน

การบูรณาการกับ SEL: คำถามเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making) และการจัดการตนเอง (Self-management)   ช่วยให้บุคคลเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับการเลือกของตน

STEP 1: หลังจากที่ผู้ถูกถามได้สรุปแผนแล้ว ให้ถามต่อว่า “ถ้าคุณตอบตกลงกับตัวเลือกนี้ คุณจะปฏิเสธอะไร?”

STEP 2: อภิปรายถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและข้อดีข้อเสียของการตัดสินใจของพวกเขา

STEP 3: ช่วยให้พวกเขาจัดลำดับความสำคัญของการกระทำและให้แน่ใจว่าพวกเขาสอดคล้องกับเป้าหมายโดยรวม


7. The Learning Question: “What was most useful for you?”

วัตถุประสงค์: คำถามข้อนี้ส่งเสริมการไตร่ตรองและเสริมสร้างการเรียนรู้ เพื่อให้มั่นใจผู้ถูกถามมีแผนปฏิบัติหรือมีแนวทางการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การบูรณาการกับ SEL: คำถามการเรียนรู้ช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง และการไตร่ตรองตนเอง (Self-awareness) ช่วยให้ผู้ถูกถามรับรู้ถึงความก้าวหน้าและจุดที่ต้องปรับปรุงของตนเอง

STEP 1: ในตอนท้ายของการสนทนา ให้ถามว่า “อะไรมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับคุณ”

STEP 2: กระตุ้นให้ผู้ถูกถามได้ไตร่ตรองข้อมูลเชิงลึกภายในตนเอง

STEP 3: สนทนาว่าพวกเขาจะนำข้อคิดเหล่านี้ไปใช้ในสถานการณ์ในอนาคตได้อย่างไรบ้าง


บทสรุป – การบูรณาการการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning; SEL) เข้ากับแนวทางปฏิบัติของความเป็นผู้นำโดยใช้คำถามโค้ชชิ่งเจ็ดข้อ (7 Coaching Questions) ของคุณ Michael Bungay Stanier สามารถส่งเสริมกันได้อย่างดีในทางปฏิบัติ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของตัวคุณในฐานะผู้นำได้อย่างมาก ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การตระหนักรู้ในตนเองและการจัดการตนเอง คุณสามารถช่วยให้ทีมงานหรือผู้ที่ถูกถามพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จทั้งในด้านส่วนตัวและด้านอาชีพ

ผมว่าสิ่งสำคัญของความเป็นผู้นำไม่ได้เป็นเพียงแค่การบริหารจัดการงานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจและการพัฒนาผู้คนอีกด้วย ดังนั้น ด้วยการบูรณาการการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning; SEL) เข้ามาช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ในการทำความเข้าใจและจัดการอารมณ์ตนเอง ตั้งและบรรลุเป้าหมายเชิงบวก รู้สึกและแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สร้างและรักษาความสัมพันธ์เชิงบวก รวมทั้งการตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ สามารถช่วยปลดล็อกศักยภาพของทั้งตัวผู้ถาม และผู้ถูกถามได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิผลมากขึ้น

References:
https://magdamiu.com/2021/11/01/7-questions-to-build-the-coaching-habit
https://medium.com/@hannahpixels/12-top-takeaways-from-the-coaching-habit-e2ea3028ec34
https://medium.com/@hwabtnoname/maslow-s-hierarchy-of-needs-vs-the-max-neef-model-of-human-scale-development-9ebebeabb215

Picture of Armer Khanachang

Armer Khanachang

Founder at SELminder,

บทความล่าสุด

5 วิธีคุยเล่นให้สนุก สำหรับคนที่ติดคุยจริงจังเกินไป

บางคนรู้สึกว่าการคุยเล่นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อสมองเราถูกฝึกมาให้คิดเป็นระบบ มีเหตุมีผล จนบางครั้งกลายเป็น “จริงจังเกินไป” โดยไม่รู้ตัว

ปลดล็อกวิธีตั้งคำถาม ที่เชื่อมโยงความคิดและอารมณ์

การตั้งคำถามที่ดี ไม่ใช่แค่การถามเพื่อถาม แต่มันควรทำหน้าที่เป็นเสมือนบันไดที่เชื่อมโยงความคิดและอารมณ์ ของผู้ถามและผู้ตอบอย่างมีความหมายด้วย