
“เคยสังเกตไหมว่า บางครั้งคนที่เคยสนิทกัน กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า? ทำไมคนที่เคยเปิดใจคุย กลับกลายเป็นเหมือนมีกำแพงสูงขวางกั้น…?
Dr. Hiro ผู้เขียนหนังสือ “ศาสตร์มืดแห่งการชักใยคน” สุดยอดหนังสือขายดีที่บอกเล่าถึงสาเหตุของการปิดใจของใครสักคน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากพฤติกรรมที่สะสมมา จนวันหนึ่งกำแพงนั้นก็สูงเกินกว่าจะปีนข้าม
ดังนั้น วันนี้ผมสนใจที่จะหยิบบางส่วนของเรื่องราวนี้มาวิเคราะห์ผ่านมุมมองของ #การเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL) เพื่อให้เราเข้าใจไม่เพียงแค่ปัญหา แต่รวมถึงวิธีแก้ไขที่จะช่วยรื้อกำแพงนั้นลง หรือดีกว่านั้น – ป้องกันไม่ให้กำแพงนั้นถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรก
1. สกปรก ดูไม่สะอาด
เมื่อเราปล่อยให้ตัวเองหรือสภาพแวดล้อมดูไม่สะอาด มันไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอก แต่ยังสะท้อนถึงการขาดการใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัดและไม่อยากเข้าใกล้
เชื่อมโยง SEL: การตระหนักรู้ในตัวเอง (Self-Awareness) ช่วยให้เราตรวจสอบว่าการดูแลตนเองและสภาพแวดล้อมของเราส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร… เมื่อเราใส่ใจในเรื่องความสะอาด เราไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจแรกที่ดี แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้อื่นรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาใกล้ชิดและสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น
วิธีหลีกเลี่ยง: ฝึกสร้างนิสัยดูแลตนเอง เช่น การแต่งกายสะอาดเรียบร้อย การจัดระเบียบพื้นที่ทำงานให้สะอาดตา
2. ยึดมั่นแต่ความคิดของตัวเอง
ความคิดของเราเปรียบเสมือนแว่นตาที่เราใช้มองโลก ลองนึกเล่นๆ ว่า… “ถ้าเราสวมแว่นอันเดียวตลอดเวลา” เราจะพลาดโอกาสที่จะเห็นโลกในมุมมองที่สวยงามแตกต่างมากแค่ไหน…? การเปิดใจรับฟังไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนความคิดเดิมทั้งหมด แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ๆ ได้เติบโต เหมือนการปลูกต้นไม้ในสวน – เราไม่จำเป็นต้องถอนต้นไม้เก่าทิ้ง แต่เราสามารถปลูกต้นใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้สวนของเราสมบูรณ์ขึ้นได้
เชื่อมโยง SEL: การจัดการตนเอง (Self-Management) ช่วยให้เรายืดหยุ่นและเปิดใจต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง
วิธีหลีกเลี่ยง: เมื่อเราได้ยินความคิดเห็นที่แตกต่าง แทนที่จะรีบปฏิเสธ เราสามารถฝึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า:
- “ฉันกำลังยึดติดกับประสบการณ์เดิมๆ มากเกินไปหรือเปล่า?”
- “มีมุมมองอื่น ที่ฉันมองข้ามไปหรือไม่?”
3. ยกตนข่มท่าน
ลองนึกถึงสถานการณ์ที่คุณกำลังแชร์ความคิดเห็นในที่ประชุม แล้วมีคนพูดตัดบทว่า “ผมทำงานมา 20 ปี ผมคือคนที่รู้ดีที่สุด” คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายความรู้สึก แต่ยังสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นระหว่างผู้คน การแสดงท่าทีเหนือกว่าอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกด้อยค่าและปิดใจทันที
เชื่อมโยง SEL: การรับรู้และเข้าใจผู้อื่น (Social Awareness) เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้ เมื่อเราเข้าใจว่าทุกคนมีประสบการณ์และมุมมองที่แตกต่างกัน เราจะเริ่มมองเห็นความหลากหลาย และมันไม่ใช่เรื่องของ “ใครเหนือกว่าใคร” แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น
วิธีหลีกเลี่ยง: แทนที่จะใช้คำพูดที่แสดงความเหนือกว่า เราสามารถเลือกใช้ภาษาที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนได้ เช่น:
- “น่าสนใจมากครับ/ค่ะ ช่วยเล่าเพิ่มเติมได้ไหมว่าคุณมองประเด็นนี้อย่างไร?”
- “ผม/ดิฉัน เข้าใจว่าเรามีประสบการณ์ต่างกัน อยากฟังมุมมองของคุณเกี่ยวกับ… หน่อยครับ/ค่ะ”
4. ชอบสั่งชอบสอน
ผู้เขียนกล่าวว่า “การให้คำแนะนำในขณะที่อีกฝ่ายไม่ต้องการ จะทำให้คนฟังรู้สึกแย่พอๆ กับการนินทาว่าร้ายเลยทีเดียว!” โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับประโยคนี้ ลองนึกถึงสถานการณ์ที่มีคนคอยบอกเราตลอดเวลาว่า “ต้องทำแบบนี้นะ!!” “อย่าทำแบบนั้นนะ!!” หรือ “ฉันว่าเธอควรที่จะ…” โดยเฉพาะเวลาที่เราคุยเรื่องสัพเพเหระ เราไม่ควรเอา “ความถูกต้อง” เป็นที่ตั้ง!! เพราะไม่ช้าไม่นาน การชี้แนะหรือออกคำสั่งมากเกินไป อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกถูกควบคุม และรู้สึกไม่มีค่าพอ
เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาทักษะการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Skills) ช่วยให้เราเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้สั่งการ” มาเป็น “ผู้สนับสนุน” แทน เมื่อเราให้พื้นที่กับความคิดของผู้อื่น เราจะพบว่าการสนทนากลายเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ที่ทั้งสองฝ่ายได้เติบโต การสื่อสารแบบนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
วิธีหลีกเลี่ยง: แทนที่จะสั่งหรือแนะนำตรงๆ ว่า “คุณต้องทำแบบนี้” เราสามารถใช้คำถามที่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้คิดและแสดงความคิดเห็น เช่น:
- “ในสถานการณ์นี้ คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด?”
- “มีวิธีอื่นที่คุณอยากลองดูไหม?”
5. อารัมภบทยืดยาว
การพูดยาวเกินไปเปรียบเสมือนการเทน้ำลงในแก้วที่เต็มแล้ว – แทนที่จะเพิ่มคุณค่า กลับทำให้น้ำล้นและสูญเปล่า การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงไม่ได้อยู่ที่ปริมาณคำพูด แต่อยู่ที่การเลือกใช้คำที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม
เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาทักษะการจัดการตนเอง (Self-Management) ในการสื่อสารเริ่มต้นจาก 1) การกำหนดวัตถุประสงค์ของการสื่อสารให้ชัดเจน – เราต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจอะไร หรือทำอะไรหลังจากฟังเรา 2) การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล – แยกแยะระหว่างสิ่งที่ “ต้องรู้” กับ “น่ารู้” และ 3) การเตรียมตัวอย่างหรือการเปรียบเทียบที่ช่วยให้เข้าใจง่าย
วิธีหลีกเลี่ยง: ฝึกเตรียมตัวก่อนพูด โดยอาจจะนึกถึงหลัก “3C”
- Clear (ชัดเจน) – ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา
- Concise (กระชับ) – พูดเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ตัดส่วนที่ฟุ่มเฟือยออก
- Compelling (น่าสนใจ) – สร้างการมีส่วนร่วมด้วยการเล่าเรื่องหรือตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง
6. ไม่รับคำแนะนำ
ลองนึกถึงความรู้สึกเวลาที่เราพยายามแชร์ไอเดียดีๆ แต่อีกฝ่ายกลับจดจ่อกับโทรศัพท์มือถือ พยักหน้าเลื่อนลอย หรือพูดแทรกโดยไม่รอให้เราพูดจบ ความรู้สึกไม่ได้รับความสำคัญจะค่อยๆ สะสม จนกลายเป็นกำแพงที่ทำให้เราไม่อยากแบ่งปันความคิดเห็นอีกต่อไป
เชื่อมโยง SEL: การรับฟังอย่างลึกซึ้ง (Active Listening) เป็นมากกว่าแค่การได้ยินเสียง แต่เป็นศิลปะของการเข้าใจอย่างแท้จริง เปรียบเสมือนการอ่านหนังสือที่ต้องจับใจความสำคัญ เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกระหว่างบรรทัด และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้เขียน
วิธีหลีกเลี่ยง: การพัฒนาทักษะการรับฟังเริ่มได้จากการสร้างนิสัยง่ายๆ เช่น:
- วางมือถือหรือหยุดสิ่งที่ทำขณะนั้น เมื่อมีคนกำลังพูดด้วย
- สบตาและแสดงท่าทีสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสื่อสาร
- ทวนความเพื่อให้แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกต้อง “ผม/ดิฉันเข้าใจถูกต้องไหม คุณกำลังบอกว่า…”
- และการถามคำถามที่แสดงถึงความสนใจและต้องการเข้าใจให้ลึกซึ้งขึ้น
7. ปฏิเสธความเห็นต่าง
เมื่อเราปฏิเสธความคิดเห็นของผู้อื่นแบบไม่มีเหตุผล เช่น “ไม่ได้” “ไม่เอา” หรือ “ไม่ใช่” โดยไม่อธิบายเพิ่มเติม เราไม่ได้แค่ปิดกั้นไอเดีย แต่กำลังทำร้ายความมั่นใจของผู้พูดด้วย เปรียบเหมือนการปิดประตูใส่หน้าใครสักคนที่พยายามจะแบ่งปันสิ่งมีค่า – เขาอาจจะไม่กล้ามาเคาะประตูของเราอีก ทำให้คนหมดความมั่นใจและปิดใจ
เชื่อมโยง SEL: การพัฒนาการตระหนักรู้ในสังคม (Social Awareness) ช่วยให้เราเข้าใจว่าทุกการปฏิเสธส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร เหมือนกับการโยนก้อนหินลงน้ำ – แม้จะเป็นก้อนเล็กๆ แต่คลื่นที่กระเพื่อมออกไปอาจกว้างกว่าที่เราคิด
วิธีหลีกเลี่ยง: หากจำเป็นต้องปฏิเสธ ควรให้เหตุผลอย่างสุภาพและเสนอตัวเลือกอื่นที่สร้างสรรค์และให้กำลังใจได้:
- “ความคิดของคุณน่าสนใจมาก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรามีข้อจำกัดเรื่อง… ลองมาดูกันว่าเราจะปรับแนวคิดนี้ให้เข้ากับบริบทของเราได้อย่างไร”
8. แสดงอารมณ์รุนแรง
อารมณ์รุนแรงเปรียบเสมือนไฟที่ลุกลาม – หากไม่ได้รับการควบคุม มันสามารถทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว รวมถึงความสัมพันธ์ที่เราสร้างมาอย่างยาวนาน การแสดงความโกรธหรือไม่พอใจโดยตรง อาจทำให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัย
เชื่อมโยง SEL: การจัดการอารมณ์ (Emotion Regulation) ไม่ใช่การกดข่มหรือเก็บกด แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสม เหมือนการควบคุมน้ำในเขื่อน – เราไม่ได้หยุดการไหลของน้ำ แต่เราเรียนรู้ที่จะปล่อยมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์
วิธีหลีกเลี่ยง: เทคนิคการจัดการอารมณ์เริ่มต้นจากการรู้เท่าทันตนเอง
- การสังเกตสัญญาณเตือนในร่างกาย: หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น กล้ามเนื้อเกร็ง เหล่านี้คือสัญญาณที่บอกว่าเราต้องหยุดและจัดการกับอารมณ์
- การใช้เทคนิคหายใจ: การหายใจลึกๆ ช้าๆ เป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายผ่อนคลาย เหมือนการกดปุ่มรีเซ็ตระบบประสาทอัตโนมัติของเรา หายใจเข้าช้าๆ นับ 1-4 กลั้นไว้สั้นๆ แล้วหายใจออกช้าๆ นับ 1-6
9. วิจารณ์เกินเหตุ
การวิจารณ์เกินพอดีเปรียบเสมือนการใช้ค้อนทุบกระจก – แทนที่จะช่วยปรับปรุงหรือแก้ไข กลับทำให้แตกละเอียดจนยากจะซ่อมแซม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แค่ที่ผลงาน แต่ลึกลงไปถึงความมั่นใจและหมดกำลังใจของผู้ถูกวิจารณ์
เชื่อมโยง SEL: การวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ ไม่เพียงช่วยให้ผู้อื่นพัฒนา แต่ยังสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และความไว้วางใจอีกด้วย
วิธีหลีกเลี่ยง: การให้ข้อเสนอแนะที่มีประสิทธิภาพควรคำนึงถึงหลักการสำคัญ:
- เน้นที่พฤติกรรมหรือผลงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล:
– แทนที่จะพูดว่า “คุณไม่ละเอียดพอ”
– ควรพูดว่า “การตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกครั้งจะช่วยลดข้อผิดพลาดได้” - การให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง:
– แทนที่จะบอกว่า “มันยังไม่ดีพอ”
– ควรระบุว่า “การเพิ่มข้อมูลเชิงสถิติจะช่วยสนับสนุนประเด็นนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น” - การสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้และพัฒนา:
– แทนที่จะมุ่งเน้นความผิดพลาด
– ให้มองว่าทุกข้อเสนอแนะคือโอกาสในการเติบโต
10. แสดงว่าตนเองไม่มีเวลาฟัง
เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เราสามารถมอบให้ใครสักคนได้ เมื่อเราแสดงออกว่า “ไม่มีเวลา” เราไม่ได้แค่ปฏิเสธการสนทนา แต่เรากำลังส่งสัญญาณว่า “คุณไม่สำคัญพอที่จะได้รับเวลาของฉัน” ความรู้สึกนี้ฝังลึกและสามารถทำลายความสัมพันธ์ได้อย่างช้าๆ เหมือนน้ำที่หยดลงบนหิน – แม้จะทีละน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป รอยแยกก็จะปรากฏให้เห็น
เชื่อมโยง SEL: การตระหนักรู้ในสังคม (Social Awareness) เป็นเสมือนเข็มทิศที่ชี้ให้เราเห็นความต้องการทางอารมณ์ของผู้อื่น เมื่อใครสักคนต้องการพูดคุยกับเรา พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่คำตอบหรือข้อมูล แต่ต้องการการยอมรับ การรับฟัง และการให้คุณค่าไปพร้อมกันด้วย
วิธีหลีกเลี่ยง: วิธีแสดงออกถึงการให้ความสำคัญกับเวลาที่ใช้ร่วมกัน
- การจัดการสิ่งรบกวน:
– เมื่อมีคนต้องการคุยด้วย ให้วางโทรศัพท์คว่ำลงหรือปิดเสียงการแจ้งเตือน
– หันหน้าเข้าหาคู่สนทนาและรักษาการสบตาที่เหมาะสม
- การสื่อสารอย่างจริงใจ:
– ถ้าเรามีเวลาจำกัด ให้บอกตรงๆ แต่ด้วยความใส่ใจ เช่น “ตอนนี้ผม/ดิฉันมีเวลา 15 นาที แต่อยากฟังสิ่งที่คุณต้องการจะเล่าค่ะ/ครับ”
– ถ้าไม่สามารถให้เวลาได้ในตอนนั้น ให้นัดเวลาที่แน่นอนสำหรับการพูดคุยแทน
บทสรุป
กับดักเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนอาจเคยเผลอทำโดยไม่รู้ตัว การบูรณาการทักษะทางอารมณ์และสังคม (SEL) ช่วยให้เราปรับปรุงพฤติกรรมเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเปิดใจคนรอบตัว ท้ายสุดนี้ ผมเชียร์ให้เราลองเลือกข้อหนึ่งที่อยากปรับปรุง แล้วเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้เลยครับ!