
ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL) ร่วมด้วย
วันนี้ #เพจSELminder ได้รวบรวม 10 หนังสือที่จะเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางในการพัฒนา SEL ไม่ว่าคุณจะเป็นครูที่ต้องการเข้าใจและยกระดับการเรียนรู้ของนักเรียน พ่อแม่ที่มุ่งมั่นจะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ลูก ผู้นำที่ปรารถนาจะพัฒนาทีมให้เติบโตอย่างยั่งยืน หรือผู้ที่กำลังมองหาหนทางพัฒนาตนเอง
และผมขอให้คำมั่นสัญญาเลยครับว่า หนังสือทั้ง 10 เล่มนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และสังคมที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต…
1. Permission to Feel โดย Marc Brackett
ฉบับแปลไทยชื่อ “โลกที่ผู้คนมีความฉลาดทางอารมณ์” โดยคุณ Marc Brackett ผู้บุกเบิกด้าน SEL แห่ง Yale Center for Emotional Intelligence และเป็นผู้พัฒนาเครื่องมือที่ชื่อว่า RULER ที่ช่วยให้เราเข้าใจและจัดการอารมณ์ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งถูกใช้เป็นแนวทางในการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) ในโรงเรียนอีกด้วย โดยแต่ละตัวอักษรแทนทักษะสำคัญดังนี้:
- Recognizing: การสังเกตและรับรู้อารมณ์ในตนเองและผู้อื่นผ่านการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และภาษากาย
- Understanding: การเข้าใจที่มาและผลกระทบของอารมณ์ต่างๆ
- Labeling: การระบุชื่อให้กับอารมณ์ ซึ่งช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์นั้นได้ดีขึ้น
- Expressing: การแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และวัฒนธรรม
- Regulating: การพัฒนากลยุทธ์ในการจัดการอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
ไฮไลท์ที่ผมชอบของหนังสือเล่มนี้คือ คุณ Brackett ได้นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับคำว่า “อารมณ์” โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่ควรเก็บกด หรือเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จ เขาชี้ให้เห็นว่าการให้ “permission to feel” หรือการอนุญาตให้ตัวเองรู้สึก เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
แนวทางการพัฒนา EQ ที่นำเสนอในหนังสือไม่เพียงมีประโยชน์ในบริบทการศึกษาเท่านั้น แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกพื้นที่ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว
Key SEL: ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional intelligence) และการจัดการตนเอง (Self-management)
2. Atlas of the Heart โดย Brené Brown
(ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย) คุณ Brené Brown ศาสตราจารย์ประจำ University of Houston ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชื่อเธอจากเวที TED talk ในหัวข้อ The power of vulnerability (พลังของความเปราะบางทางใจ) ซึ่งมียอดการดูบน YouTube มากถึง 22 ล้านครั้ง
โดยหนังสือเล่มนี้คุณ Brown จะพาพวกเราออกเดินทางสำรวจแผนที่อารมณ์อันหลากหลายของมนุษย์ ที่มีมากถึง 87 แบบ!! เธอไม่ได้เพียงแค่ให้คำจำกัดความ แต่เธอได้จัดกลุ่มอารมณ์เหล่านี้เข้าด้วยกันตามบริบทของประสบการณ์มนุษย์ เช่น อารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อกับผู้อื่น อารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน หรืออารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาตนเอง การจัดกลุ่มเช่นนี้ช่วยให้เราเห็นความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์ต่างๆ และเข้าใจว่าทำไมเราถึงรู้สึกเช่นนั้นในสถานการณ์ต่างๆ
จุดหนึ่งที่ผู้เขียนพยายามเน้นย้ำ คือ ความสำคัญของ “การให้ชื่อ” กับอารมณ์ความรู้สึก (emotional granularity) โดยอธิบายว่าการมีคำศัพท์ที่หลากหลายในการอธิบายอารมณ์จะช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์นั้นได้ดีขึ้น เปรียบเสมือนการมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานแต่ละชนิด เมื่อเรารู้จักอารมณ์มากขึ้น เราจะสามารถระบุได้ว่าสิ่งที่เรากำลังรู้สึกคืออะไร และเลือกวิธีจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม
Key SEL: การรู้เท่าทันอารมณ์และการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness)
3. Mindset: The New Psychology of Success โดย Carol S. Dweck
หากคุณเคยสงสัยว่าทำไมบางคนประสบความสำเร็จได้แม้เผชิญอุปสรรคมากมาย ในขณะที่บางคนยอมแพ้ง่ายๆ คำตอบอาจอยู่ในหนังสือเล่มนี้ (ฉบับแปลไทยชื่อ “ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา”) โดย Dr. Carol S. Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังแห่ง Stanford University ซึ่งได้ทุ่มเทเวลากว่า 30 ปีในการวิจัยและค้นพบว่า ความสำเร็จในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การเงิน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ ล้วนได้รับอิทธิพลมาจาก “#วิธีคิดที่เรามีต่อความสามารถของตัวเราเอง”
สองวิธีคิดสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตเรา คือ Growth Mindset (กรอบความคิดแบบเติบโต) และ Fixed Mindset (กรอบความคิดแบบตายตัว) เธอชี้ให้เห็นว่าความสามารถของมนุษย์ไม่ได้ถูกกำหนดอย่างตายตัวตั้งแต่เกิด แต่สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิตด้วยความพยายามและมายเซ็ทที่ถูกต้อง
**ออกตัวก่อนว่าผมเป็นเอฟซีตัวยงของอาจารย์ 😉 และเคยใช้แนวคิดของหนังสือเล่มนี้กับนักเรียนชั้น ม.1-ม.3 สมัยเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นครูอยู่ ผมพบว่าแนวคิดนี้ไม่เพียงเปลี่ยนมุมมองของนักเรียนที่มีต่อความล้มเหลวและความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักเรียนมองปัญหาหรืออุปสรรคที่พวกเขากำลังเผชิญให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตได้อย่างแท้จริงอีกด้วย
Key SEL: การจัดการตนเอง (Self-management) และความยืดหยุ่นทางความคิด (Resilience)
4. Grit: The Power of Passion and Perseverance โดย Angela Duckworth
“ทำไมบางคนประสบความสำเร็จ ในขณะที่บางคนล้มเลิกกลางคัน?” Angela Duckworth นักจิตวิทยาและนักวิจัยชื่อดังจาก University of Pennsylvania ได้ทำการศึกษาและค้นพบคำตอบที่น่าทึ่ง! ไม่ใช่ IQ ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็น “GRIT” หรือ “ความพากเพียร” ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน (ฉบับแปลไทยชื่อ “สิ่งที่คุณต้องมีเมื่อคุณไม่มีแต้มต่อในชีวิต”)
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมชอบมาก น่าสนใจว่า Duckworth ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ Mindset ของ Carol S. Dweck และในฐานะที่ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังสือเล่มนี้ ต้องบอกว่าเธอได้นำเสนอแนวคิดสำคัญที่ว่า ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็นผลจากการผสมผสานระหว่างความหลงใหล (Passion) และความอดทน (Perseverance) นอกจากนั้น ในเล่มยังมอบเครื่องมือและกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เราพัฒนา “GRIT” ของตัวเองอีกด้วย
Key SEL: การจัดการตนเอง (Self-management) และความยืดหยุ่นทางความคิด (Resilience)
5. Emotional Intelligence 2.0 โดย Travis Bradberry และ Jean Greaves
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนดูเหมือนจะจัดการกับความสัมพันธ์และสถานการณ์ที่ท้าทายได้อย่างง่ายดาย? คำตอบอาจอยู่ในระดับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ด้วยเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม
หนังสือเล่มนี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติได้จริง เริ่มต้นด้วยแบบประเมิน EQ ออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจจุดแข็งและพื้นที่ที่ต้องพัฒนาของตัวเอง จากนั้นจึงนำเสนอกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมในการยกระดับความฉลาดทางอารมณ์ในแต่ละด้าน
ที่น่าสนใจคือ แม้จะยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย แต่เนื้อหาในเล่มถูกออกแบบมาให้เข้าใจและนำไปใช้ได้ง่าย ผ่านการแบ่งทักษะ EQ ออกเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) การจัดการตนเอง (Self-management) การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) และการจัดการความสัมพันธ์ (Relationship skills) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมรรถนะที่สำคัญ (competencies) ของการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (Social and Emotional Learning หรือ SEL)
Key SEL: การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness) และการจัดการตนเอง (Self-management) การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) การจัดการความสัมพันธ์ (Relationship skills)
6. How to Win Friends and Influence People โดย Dale Carnegie
ตำนานหนังสือที่ยืนหยัดท้าทายกาลเวลามากว่า 85 ปี (ฉบับแปลภาษาไทยชื่อ “วิธีผูกมิตรและพิชิตใจคน) ที่น่าสนใจคือ แม้หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1936 แต่หลักการและแนวคิดยังคงทันสมัยและนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน ผู้เขียนคุณ Carnegie ได้แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนสำคัญที่ครอบคลุมทั้งการสร้างความประทับใจแรกพบ การพัฒนาทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง และการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยนำเสนอผ่านกรณีศึกษาจากชีวิตจริงของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการใช้หลักการเหล่านี้
แม้จะมีฉบับแปลภาษาไทยหลายสำนักพิมพ์ แต่เนื้อหาในต้นฉบับภาษาอังกฤษถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย ผ่านการแบ่งบทเรียนเป็นหลักการสำคัญที่จดจำและนำไปปฏิบัติได้ทันที เช่น การให้ความสนใจผู้อื่นอย่างจริงใจ การยอมรับในความผิดพลาดของตนเอง และการชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ ซึ่งล้วนเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับ
หนังสือเล่มนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นคู่มือการพัฒนาตนเอง แต่ยังเป็นแหล่งอ้างอิงที่ทรงคุณค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์และศิลปะแห่งการสร้างความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง
Key SEL: การตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness) การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills)
7. The Whole-Brain Child โดย Daniel J. Siegel และ Tina Payne Bryson
(ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย) ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ผู้เขียน Siegel และ Bryson ได้นำเสนอแนวคิด “Whole-Brain” หรือการพัฒนาสมองแบบองค์รวม ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างสมองซีกซ้าย (ด้านเหตุผลและตรรกะ) และสมองซีกขวา (ด้านอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์) ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Connect and Redirect” ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงกับอารมณ์ของเด็กก่อนที่จะนำพาพวกเขาไปสู่การคิดอย่างมีเหตุผล
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังให้ความสำคัญกับ “ตั้งชื่อเพื่อทำให้เชื่อง” หรือ “Name it to Tame it” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กๆ เข้าใจและจัดการกับประสบการณ์ที่ท้าทายในชีวิต โดยการใช้ภาษาระบุอารมณ์ความรู้สึกและที่มาที่ไป เพื่อคลี่คลายตัวเอง
แม้หนังสือเล่มนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเด็ก แต่หลักการและความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองที่นำเสนอ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นในทุกช่วงวัย ทำให้เป็นหนังสือที่มีคุณค่าสำหรับทุกคนที่สนใจการพัฒนามนุษย์อย่างองค์รวม
Key SEL: การจัดการตนเอง (Self-management) และการตระหนักรู้ทางสังคม (Social awareness)
8. Nonviolent Communication: A Language of Life โดย Marshall B. Rosenberg
ความน่าสนใจที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนคุณ Rosenberg ได้พัฒนาแนวคิด Nonviolent Communication (NVC) หรือการสื่อสารเชิงสันติ จากประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ความขัดแย้งทั่วโลก โดยเขาพบว่าการสื่อสารที่นำไปสู่ความเข้าใจและการเยียวยานั้น ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การสังเกต (Observation) ความรู้สึก (Feelings) ความต้องการ (Needs) และการร้องขอ (Requests) ซึ่งเมื่อนำมาใช้อย่างครบถ้วนจะช่วยสร้างการสนทนาที่มีความหมายและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
หนังสือเล่มนี้ได้แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงในการสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การใช้คำพูดที่รุนแรง แต่รวมถึงรูปแบบการสื่อสารที่ละเลยความรู้สึกและความต้องการของทั้งตนเองและผู้อื่น เช่น การตัดสิน การประเมินค่า หรือการกล่าวโทษซึ่งกันและกัน โดยหัวใจสำคัญของ NVC คือ การสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน การระบุและแสดงออกถึงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา และการเชื่อมโยงความรู้สึกเหล่านั้นกับความต้องการพื้นฐานของมนุษย์
ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) โดยเฉพาะในด้านการตระหนักรู้ในตนเองและการเข้าใจผู้อื่น ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารและความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งและมีความหมายมากยิ่งขึ้น
**ผมไม่แน่ใจว่ามีฉบับแปลภาษาไทยไหม แต่ผมเคยอ่านหนังสือที่ชื่อ “การสื่อสารอย่างสันติ” ผู้แปล ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ ซึ่งมีเนื้อหาสอดคล้องกัน
Key SEL: การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills) และการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-awareness)
9. Dare to Lead โดย Brené Brown
จากงานวิจัยที่ยาวนานกว่าสองทศวรรษ ผู้เขียนคุณ Brené Brown ได้ค้นพบว่าการเป็นผู้นำที่ทรงพลังนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการควบคุมหรือการแสดงอำนาจ แต่เป็นเรื่องของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทีมกล้าที่จะทดลอง กล้าที่จะล้มเหลว และกล้าที่จะลุกขึ้นใหม่ เธอแนะนำแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำผ่านหลักการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การรู้จักและเผชิญหน้ากับอารมณ์ของตนเอง การเลือกความกล้าเหนือความสบาย การฝึกฝนการเห็นอกเห็นใจ และการลุกขึ้นหลังความล้มเหลว
นอกจากนี้ คุณ Brown ยังนำเสนอแนวคิดเรื่อง ” Clear is Kind, Unclear is Unkind” ซึ่งเน้นความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนและการตั้งความคาดหวังที่ตรงไปตรงมา เธออธิบายว่าการหลีกเลี่ยงความชัดเจนเพื่อ “รักษาน้ำใจ” นั้นอาจกลายเป็นการทำร้ายความสัมพันธ์และประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว
เนื้อหาในหนังสือไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับผู้นำในองค์กรเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์สำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาความกล้าในการใช้ชีวิต การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และการเป็นผู้นำในบทบาทต่างๆ ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อแม่ ครู หรือสมาชิกในชุมชน
Key SEL: การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills) การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making)
10. The 7 Habits of Highly Effective People โดย Stephen R. Covey
แม้หนังสือจะถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1989 แต่หลักการที่นำเสนอยังคงทันสมัยและเป็นที่ต้องการในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเสนอแนวคิดที่แตกต่างจากหนังสือพัฒนาตนเองทั่วไป โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงที่ “กระบวนทัศน์” หรือวิธีที่เรามองโลกและตัวเอง แทนที่จะเป็นเพียงเทคนิคหรือวิธีการเฉพาะหน้า เขาอธิบายว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนหลักการพื้นฐานที่เรายึดถือในชีวิต
นิสัยทั้ง 7 ประการถูกจัดเรียงอย่างมีความหมาย โดยแบ่งเป็นการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก เริ่มจากชัยชนะส่วนตัว (Private Victory) ที่ประกอบด้วยสามนิสัยแรก: การเป็นฝ่ายเริ่มลงมือทำ (Be Proactive) การเริ่มต้นด้วยจุดหมายในใจ (Begin with the End in Mind) และการทำสิ่งที่สำคัญก่อน (Put First Things First) นิสัยเหล่านี้ช่วยสร้างรากฐานของการพึ่งพาตนเอง
จากนั้นจึงก้าวสู่ชัยชนะในสังคม (Public Victory) ผ่านนิสัยที่สี่ถึงหก: การคิดแบบชนะ/ชนะ (Think Win/Win) การเข้าใจผู้อื่นก่อนจะให้ผู้อื่นเข้าใจเรา (Seek First to Understand, Then to Be Understood) และการผนึกพลัง (Synergize) ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลกับผู้อื่น
นิสัยที่เจ็ด “การลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ” (Sharpen the Saw) เป็นการรักษาสมดุลและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ Covey เปรียบเทียบชีวิตเหมือนการเดินทางที่ต้องหยุดพักเพื่อบำรุงรักษาเครื่องมือของเราอยู่เสมอ
Key SEL: การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship skills) การตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible decision-making)